สหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.) ยึดเครื่องบินของรัฐบาลเวเนซุเอลา เป็นลำที่ 2 ในเวลาห่างกันไม่ถึงปี คราวนี้เกิดขึ้นในสาธารณรัฐโดมินิกัน ระหว่างที่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกาเดินทางเยือนดินแดนแห่งนี้พอดี แม้เริ่มความพยายามสานสัมพันธ์ทางการทูตกับ นิโคลัส มาดูโร ผู้นำฝ่ายซ้ายของเวเนซุเอลาก็ตาม
รูบิโอ เดินไปยังฐานทัพอาหาศแห่งหนึ่งในกรุง ซานโตโดมิงโก บริเวณที่อัยการสาธารณรัฐโดมินิกันรายหนึ่งและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ กำลังร่วมกันติดเทปกาวประกาศหนึ่งที่ระบุว่า "ยึดแล้ว" บนเครื่องบิน Dassault Falcon 200 ที่มีตราธงชาติเวเนซุเอลา
พวกเจ้าหน้าที่สาธารณัฐโดมินิกัน กักกันเครื่องบินลำนี้เมื่อปีที่แล้ว หลังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แจ้งว่ามันละเมิดมาตรการคว่ำบาตรแต่เพียงฝ่ายเดียวของอเมริกาที่กำหนดเล่นงานเวเนซุเอลา
บรรดาเจ้าหน้าที่ของเวเนซุเอลา ใช้เครื่องบินลำนี้บินไปยังกรีซ ตุรกี รัสเซีย นิการากัว และคิวบา และนำมันมายังสาธารณรัฐโดมินิกันเพื่อซ่อมบำรุง จากการเปิดเผยของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
นอกจากนี้ อ้างอิงข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ พบว่ารัฐมนตรีพลังงานของเวเนซุเอลา ก็เคยใช้เครื่องบินลำนี้เดินทางไปร่วมประชุมกลุ่มโอเปก ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในปี 2019 ด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกันยายน สหรัฐฯ ณ ขณะนั้น ที่นำโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยึดเครื่องบินของรัฐบาลเวเนซุเอลาอีกลำ ในสาธารณรัฐโดมินิกัน ที่เคยถูกใช้นำพา มาดูโร เดินทางเยือนนานาชาติ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาช้านานเกี่ยวกับการใช้แนวทางแข็งกร้าวกับเวเนซุเอลา และครั้งดำรงตำแหน่งสมัยแรก เคยหาทางโค่น มาดูโร ลงจากอำนาจ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ มาดูโร ถูกนานาชาติตั้งคำถามในวงกว้างเกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของชัยชนะในศึกเลือกตั้งที่ผ่านมาของเขา
อย่างไรก็ตาม ริชาร์ด เกรเนลล์ ทูตพิเศษของทรัมป์ ได้เดินทางเยือนกรุงการากัส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อพบปะกับ มาดูโร หาทางรับประกันการปล่อยตัวผู้ต้องขังชาวสหรัฐฯ 5 คน
เวเนซุเอลา บอกว่าการพูดคุยเกิดขึ้นภายใต้ "ความเคารพกันและกัน" แต่รูบิโอและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนอื่นๆ ยืนยันว่าอเมริกาไม่ได้มีการกลับลำจากจุดยืนที่ไม่ยอมรับมาดูโร ในฐานะประธานาธิบดีที่ชอบธรรมของเวเนซุเอลา
(ที่มา : เอเอฟพี)