กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียแถลงวันนี้ (6 ก.พ.) ว่ารัฐบาลมาเลเซียถือว่าข้อเสนอบังคับเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาเป็นการล้างชาติพันธุ์ (ethnic cleansing) และขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ออกมาเสนอแนวคิดเข้ายึดครองกาซาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ และส่งชาวปาเลสไตน์ออกไปอยู่ที่อื่น
“มาเลเซียขอคัดค้านอย่างรุนแรงต่อข้อเสนอใดๆ ก็ตามที่จะนำไปสู่การบังคับเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากมาตุภูมิของพวกเขา การกระทำที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนั้นจะถือเป็นการล้างชาติพันธุ์ และเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศและมติของสหประชาชาติหลายฉบับอย่างชัดแจ้ง” คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ระบุ
ทางกระทรวงยืนยันว่า มาเลเซียสนับสนุนทางออกแบบ 2 รัฐควบคู่ (two-state solution) เพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างยิวและปาเลสไตน์ ซึ่งจะทำให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพที่ยั่งยืน
มาเลเซียซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่นับถืออิสลามเป็นหนึ่งในชาติที่ให้การสนับสนุนปาเลสไตน์อย่างแข็งขัน และสนับสนุนแนวทาง 2 รัฐควบคู่มาอย่างยาวนาน
ปัจจุบัน มาเลเซียยังคงไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล
นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม กล่าวว่า เขายังคงรักษาสายสัมพันธ์ที่ดีกับฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส แต่ยืนยันว่ามาเลเซียไม่มีความเกี่ยวข้องกับปีกทางทหารของฮามาส
ด้านอินโดนีเซียซึ่งถือเป็นชาติมุสลิมขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้ออกมาแถลงจุดยืนในวันพุธ (5) โดยปฏิเสธ “ความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์ หรือเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางประชากรของดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง”
อินโดนีเซียย้ำว่า การกระทำดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคขัดขวางทางออกแบบ 2 รัฐ และรัฐบาลอิเหนาขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมมือกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ที่มา : รอยเตอร์