ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาพูดย้ำอีกรอบเมื่อวานนี้ (30 ม.ค.) ว่าอียิปต์และจอร์แดนจะต้องรับชาวปาเลสไตน์ในกาซาเข้าไปอยู่อาศัยเพิ่ม แม้ทั้ง 2 ชาติจะยืนกรานปฏิเสธไม่เอาด้วยกับแผนโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากถิ่นฐานก็ตาม ขณะที่ผู้แทนพิเศษของ ทรัมป์ ประเมินการฟื้นฟูดินแดนกาซาอาจต้องใช้เวลานาน 10-15 ปี
ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากประธานาธิบดี อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี แห่งอียิปต์ และสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ได้ออกมาปฏิเสธแผนบังคับเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาตามหลังสงครามระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอล
“พวกเขาต้องรับ” ทรัมป์ บอกกับสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาว หลังถูกถามถึงปฏิกิริยาตอบสนองของอียิปต์และจอร์แดน รวมถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะใช้มาตรการทางภาษีกดดันให้ทั้ง 2 ชาติต้องทำตาม
“พวกเขาจะต้องทำ เราช่วยพวกเขามาเยอะมากแล้ว พวกเขาจะต้องทำบ้าง” ทรัมป์ กล่าว
หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสเริ่มมีผลบังคับเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ทรัมป์ ก็ได้เสนอแผน “ทำความสะอาด” ฉนวนกาซา และย้ายชาวปาเลสไตน์ออกไปยังสถานที่อื่นที่ “ปลอดภัยกว่า” เช่น อียิปต์หรือจอร์แดน
ทรัมป์ อ้างว่าสงครามที่ยืดเยื้อมา 15 เดือนทำให้ดินแดนปาเลสไตน์มีสภาพไม่ต่างไปต่าง “พื้นที่ทุบทำลาย” (demolition site)
อัล-ซิซี ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธ (29) ว่า “การเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของพวกเขาคือความอยุติธรรมที่เราไม่อาจมีส่วนร่วมด้วยได้” ส่วนสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดนก็ทรงมีพระราชดำรัสในทำนองเดียวกันว่า จอร์แดน “มีจุดยืนมั่นคงว่าจำเป็นจะต้องให้ชาวปาเลสไตน์อยู่ในดินแดนของพวกเขา”
ขณะเดียวกัน สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของ ทรัมป์ ประจำภูมิภาคตะวันออกกลาง ก็ได้เดินทางไปเยือนกาซาในสัปดาห์นี้เพื่อที่จะช่วยค้ำจุนข้อตกลงหยุดยิงที่แสนเปราะบาง โดยยังได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลด้วย
วิตคอฟฟ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Axios วานนี้ (30) ว่า ดินแดนกาซา “แทบไม่มีอะไรเหลือ” และการฟื้นฟูบ้านเมืองอาจต้องใช้เวลานาน 10-15 ปี
“ชาวกาซาเดินทางกลับไปยังบ้านเรือนทางตอนเหนือ เพื่อที่จะพบว่ามันเกิดอะไรขึ้นและต้องหันหลังกลับ... ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ความเสียหายที่เกิดขึ้นที่นั่นเป็นอะไรที่น่าตกตะลึง” วิตคอฟฟ์ กล่าว
องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยแพร่รายงานในเดือนนี้ว่า การกำจัดเศษซากอาคารน้ำหนักมากกว่า 50 ล้านตันซึ่งเป็นผลมาจากการโจมตีของอิสราเอลอาจต้องใช้เวลานานถึง 21 ปี และมีต้นทุนสูงถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ยิ่งไปกว่านั้น เศษซากอาคารในกาซายังอาจเต็มไปด้วยแร่ใยหิน (asbestos) หลังพบว่าค่ายผู้ลี้ภัยบางแห่งที่ถูกทำลายในสงครามถูกสร้างด้วยวัสดุดังกล่าว และภายใต้ซากบ้านเรือนก็น่าจะมีซากศพมนุษย์ติดอยู่ด้วย เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขกาซาประเมินว่ายังมีศพอีกราว 10,000 ร่างที่หาไม่พบ
ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี