เอเจนซีส/รอยเตอร์/เอพี/MGRออนไลน์ – ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ วันพุธ(29 ม.ค) ลงนามกม.ลาเคน ไรลีย์ (Laken Riley Act.)จ่อส่งเข้าเมืองผิดกฎหมาย 30,000 คนไปเรือนจำกวนตานาโม คิวบา สั่งองค์การ USAID ห้ามส่งยารักษาโรคร้ายรวมเอดส์ มาลาเรีย วัณโรค และอุปกรณ์รวมสิ่งจำเป็นสำหรับทารกแรกคลอดให้ชาติยากจนกระทบโรงพยาบาลผู้อพยพพรมแดนไทย-พม่า เจ้าหน้าที่ระดับสูง USAID ไม่ต่ำกว่า 56 คนโดนสั่งสอบสวนหลังขัดขืนคำสั่ง
นิวยอร์กโพสต์ของสหรัฐฯรายงานวานนี้(29 ม.ค)ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันพุธ(29) เปิดเผยว่า เขามีแผนที่จะส่งคนเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวน 30,000 คนที่กระทำความผิดทางอาญาอื่นๆไปขังที่เรือนจำกวนตานาโม คิวบา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเนรเทศผู้อพยพครั้งมโหฬาร
เกิดขึ้นในขณะที่เขากำลังลงนามกฎหมายฉบับแรกตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง กฎหมายต่อต้านผู้อพยพ ลาเคน ไรลีย์ (Laken Riley Act.) เอพีรายงานว่า เป็นกฎหมายที่จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯกว้างขึ้นในการเนรเทศคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางอาญา
นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า ทรัมป์ลงนามในบันทึกความเข้าใจสั่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯและกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯให้เตรียมแผนส่งตัวผู้อพยพมากถึง 30,000 คนไปที่เรือนจำกวนตานาโมที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเพนตากอนซึ่งในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู บูช ผู้ลูกเคยถูกใช้เป็นที่ควบคุมตัวบรรดานักโทษก่อการร้ายหลังเหตุ 11 กันยา ตึกเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์
“วันนี้ผมกำลังจะลงนามคำสั่งบริหารเพื่อสั่งการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯและกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯให้เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อรับรองผู้อพยพ 30,000 คนที่อ่าวกวนตานาโม” ทรัมป์กล่าว
และเสริมว่า “คนส่วนใหญ่ไม่เคยจะรู้ว่าพวกเรามี 30,000 เตียงที่กวนตานาโมเพื่อควบคุมพวกต่างด้าวผิดกฎหมายที่เป็นอาชญากรร้ายกาจมากที่สุดที่เป็นภัยคุกคามต่อประชาชนอเมริกัน”
พร้อมกันนี้ได้ให้เหตุผลว่า มีคนเข้าเมืองผิดกฎหมายบางส่วนเลวร้ายและไม่เชื่อมั่นในประเทศปลายทางว่าจะยังคงควบคุมตัวคนเหล่านี้ไว้หรือไม่ เพราะสหรัฐฯไม่ต้องการให้คนเหล่านี้เดินทางกลับมาดังนั้นจึงส่งไปควบคุมที่กวนตานาโมแทน
นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า เรือนจำกวนตานาโมที่อยู่ภายใต้การดูแลของเพนตากอน ปัจจุบันมีผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายแค่ 15 คนเท่านั้นที่ยังถูกขังที่นั่นจากแต่เดิมเกือบ 700 คนในปี 2003
ผลกระทบจากการที่ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวที่สร้างความปั่นป่วนทั้งภายในประเทศต่อประชาชนอเมริกันและทั่วโลกตั้งแต่สั่งยกเลิกชั่วคราวการช่วยเหลือเงินผ่านรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพื่อต้องการขุดรากถอนโคนโครงการฝ่ายการเมืองปีกหัวก้าวหน้าสหรัฐฯให้หมดไป
เอพีรายงานว่า โครงการ Meals on Wheels ที่ส่งอาหารให้ผู้สูงอายุตามบ้านโดยได้เงินสนับสนุนจากรัฐนั้นเจ้าหน้าที่กำลังสับสนว่า ผู้สูงอายุเฉียดร้อยปีที่มีรายได้ต่ำเหล่านี้จะมีอาหารมื้อต่อไปหรือไม่
แต่ทว่าเป็นที่น่าวิตกยิ่งกว่าเพราะรอยเตอร์รายงานวันอังคาร(28)โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้แค่ 10 วันสั่งการให้หยุดการส่งยารักษาโรคเอดส์ โรคมาลาเรียให้กับบรรดาชาติยากจนทั่วโลก
เป็นคำสั่งจากทรัมป์ให้หยุดส่งยารักษาโรควัณโรค และที่น่าตกใจยังรวมถึงอุปกรณ์และสิ่งจำเป็นสำหรับทารกแรกคลอดผ่านโครงการของ USAID ให้กับชาติต่างๆทั่วโลก อ้างอิงจากเมโมที่รอยเตอร์ได้เห็น
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันอังคาร(28) ทั้งลูกจ้างชั่วคราวและพันธมิตรที่ทำงานให้ USAID (United States Agency for International Development) เริ่มได้รับเมโมสั่งให้หยุดไปทำงานทันที
หนึ่งในเมโมถูกส่งไปยังบริษัทที่ปรึกษายักษ์ใหญ่สหรัฐฯ Chemonics ที่ร่วมกับ USAID ในการส่งยารักษาไปยังทั่วโลก
“นี่เป็นหายนะ” อาตุล กาวานด์ (Atul Gawande) อดีตหัวหน้าสุขภาพโลกประจำ USAID ที่เพิ่งลาออกจากองค์กรในเดือนนี้กล่าว
“ยารักษาโรคที่บริจาคทำให้ผู้ป่วยโรคเอดส์จำนวน 20 ล้านคนยังคงมีชีวิต มันได้หยุดลงในวันนี้”
และเสริมต่อว่า พันธมิตรอื่นที่ได้รับแจ้งจะไม่สามารถส่งยาไปตามโรงพยาบาลเป้าหมายหรือแม้กระทั่งแม้มียาอยู่ในสต็อกหรือสามารถทำการเปิดโรงพยาบาลได้หากว่าได้เงินจากสหรัฐฯ
นี่ยังรวมไปถึงองค์กรต่างๆที่ทำงานให้การช่วยเหลือเด็กกลุ่มเปราะบางและเด็กกำพร้าร่วม 6.5 ล้านคนที่ติดเชื้อเอดส์ใน 23 ประเทศ
รอยเตอร์รายงานก่อนหน้าว่า ผลจากคำสั่งระงับเงินช่วยส่งผลทำให้โรงพยาบาลสนามผู้ลี้ภัยพรมแดนไทย-พม่าต้องปิดลง
เจ้าหน้าที่ด้านความช่วยเหลือผู้หนึ่งเปิดเผยว่า โรงพยาบาลหลายแห่งในค่ายผู้ลี้ภัยบริเวณพรมแดนของไทย ที่จัดหาที่พักพิงให้แก่ผู้ลี้ภัยจากเมียนมาราว 100,000 คน ต้องปิดลงชั่วคราวเนื่องจากมาตรการระงับเงินช่วยเหลือที่ให้แก่ International Rescue Committee (IRC)
USAID ได้ให้การช่วยเหลือเพื่อการยุติโรคเอดส์ในไทยเช่นกัน อ้างอิงจากการแถลงข่าวของกรมควบคุมโรคเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 อธิบดีกรมควบคุมโรคร่วมฉลองครบรอบ 20 ปีโดยมีผู้แทนจากโครงการต่อสู้โรคเอดส์ PERFAR ของสหรัฐฯและผู้แทนจาก USAID รวมถึงสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติร่วมด้วย แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าโครงการ PERFAR ได้รับผลกระทบจากคำสั่งทรัมป์ด้วยเหลือไม่
ฟ็อกซ์นิวส์รายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ USAID ไม่ต่ำกว่า 56 คนในวันจันทร์(27)ถูกสั่งพักงานหลังโดนสอบสวนต่อต้านคำสั่งทรัมป์ โดยโพลิติโกเป็นสื่อแรกที่เปิดเผยว่า มีลูกจ้างชั่วคราวไม่กี่ร้อยคนที่มีฐานในวอชิงตันและที่อื่นๆถูกสั่งให้ออกจากงาน อ้างอิงจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กำลังปฎิบัติหน้าที่และที่เกษียณอายุ
ทั้งนี้พบว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่ USAID เหล่านี้จะถูกสั่งให้ออกจากการปฎิบัติหน้าที่วันจันทร์(27) คนเหล่านี้พยายามที่จะช่วยให้องค์กรและหน่วยงานที่ได้รับเงินจากสหรัฐฯนั้นรับมือกับคำสั่งทรัมป์ตัดเงินช่วยเหลือชั่วคราวและหาทางให้โครงการช่วยชีวิตนั้นสามารถยังเดินหน้าต่อไปได้ตั้งแต่โครงการน้ำสะอาดสำหรับผู้อพยพพลัดถิ่นในซูดานไปจนถึงการจับตาไข้หวัดนกทั่วโลก อดีตเจ้าหน้าที่เปิดเผย