เรียกว่าเป็นสนามประลองที่ไม่มีใครยอมใคร เมื่อล่าสุดบริษัท อาลีบาบา (Alibaba) ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของจีน ประกาศเปิดตัวโมเดลเอไอ Qwen 2.5 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดรับเทศกาลตรุษจีน 2025 โดยอ้างว่ามีศักยภาพที่เหนือชั้นยิ่งกว่า DeepSeek-V3 ซึ่งสั่นสะเทือนวงการเทคโนโลยีอยู่ในตอนนี้
การที่อาลีบาบาเลือกเปิดตัว Qwen 2.5-Max ในวันแรกของเทศกาลตรุษจีนซึ่งคนจีนส่วนใหญ่จะหยุดงานและใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ชี้ให้เห็นว่าปรากฏการณ์ดาวรุ่งพุ่งแรงของสตาร์ทอัปอย่าง DeepSeek ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่เพียงสร้างแรงกดดันต่อบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติเท่านั้น แต่รวมไปถึงคู่แข่งในจีนเองด้วย
“Qwen 2.5-Max มีประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือชั้นกว่าโมเดลคู่แข่งเกือบทุกเจ้าไม่ว่าจะเป็น GPT-4o, DeepSeek-V3 รวมไปถึง Llama-3.1-405B” แผนกคลาวด์ของอาลีบาบาระบุในคำแถลงเปิดตัวโมเดลเอไอรุ่นใหม่บนบัญชี WeChat โดยอ้างอิงถึงแชตบอตเอไอจากค่าย OpenAI รวมไปถึงโมเดลเอไอโอเพนซอร์สที่ล้ำสมัยที่สุดของ Meta ในตอนนี้
การเปิดตัวผู้ช่วยเอไอของ DeepSeek-V3 เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ซึ่งตามมาติดๆ ด้วย DeepSeek-R1 ในวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา สร้างความตกตะลึงต่อนักลงทุนจนทำให้หุ้นในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ในซิลิคอนแวลลีย์ดิ่งกราวรูด เนื่องจากเชื่อกันว่า DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัปเล็กๆ ในเมืองหางโจวสามารถพัฒนาโมเดลเอไอประสิทธิภาพสูงด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก และสิ่งนี้ทำให้นักลงทุนเกิดคำถามว่าแผนการทุ่มทุนหลายพันล้านดอลลาร์ของบริษัทเอไอชั้นนำในสหรัฐฯ นั้นยังจำเป็นอยู่จริงหรือไม่
ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของ DeepSeek ก็กลายเป็นแรงบีบให้บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีนต้องเร่งถีบตัวเองขึ้นมา และเปิดตัวโมเดลเอไอเวอร์ชันอัปเกรดของตัวเองบ้าง
เพียง 2 วันหลังการเปิดตัว DeepSeek-R1 บริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok ก็ได้ออกโมเดลเอไอรุ่นอัปเกรดซึ่งอ้างว่ามีประสิทธิภาพแซงหน้าโมเดล o1 ของ OpenAI ในการทดสอบ AIME หรือ American Invitational Mathematics Examination ซึ่งเป็นหนึ่งในบททดสอบมาตรฐานที่ชี้วัดว่าโมเดลเอไอนั้นสามารถเข้าใจและตอบสนองต่อคำสั่งที่ซับซ้อนได้ดีแค่ไหน
คำกล่าวอ้างนี้ไม่ต่างจาก DeepSeek-R1 ที่ว่ากันว่าทำผลงานได้ดียิ่งกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI ในเครื่องมือทดสอบที่เป็น benchmark ต่างๆ เช่นกัน
ที่มา : รอยเตอร์