xs
xsm
sm
md
lg

บดขยี้ความหลากหลาย! ทรัมป์กร้าวจะลงนามคำสั่ง แบนทหารข้ามเพศในกองทัพสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยในวันจันทร์ (27 ม.ค.) จะลงนามในคำสั่งบริหาร นำพากองทัพออกห่างจากสิ่งที่เรียกว่า "อุดมการณ์คนข้ามเพศ" ห้ามคนข้ามเพศเข้ารับใช้ชาติ ในความเคลื่อนไหวที่ถือเป็นการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่สำหรับสิทธิ LGBTQ

"เพื่อรับประกันว่าเราจะมีกองกำลังสู้รบที่อันตรายที่สุดในโลก เราจะเอาอุดมการณ์คนข้ามเพศออกจากกองทัพของเรา" ทรัมป์ บอกกับที่ประชุมระดมความคิดของพรรครีพับลิกันในไมอามี ระบุถึง 1 ใน 4 คำสั่งบริหารใหม่ 4 คำสั่ง ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพที่เขาจะลงนาม

พวกคนข้ามเพศสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่กลับไปกลับมา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายด้านการรับราชการทหารบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลพรรคเดโมแครตหาทางอนุญาตให้คนกลุ่มนี้เข้ารับราชการทหารอย่างเปิดเผย ในขณะที่ ทรัมป์ แสดงจุดยืนซ้ำๆ หาทางกันพวกเขาออกจากกองทัพ

ก่อนหน้านี้วันจันทร์ (27 ม.ค.) พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่มาปักหลักรออยู่หน้าเพนตากอน ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเปลี่ยนแปลงกองทัพ รวมถึงห้ามเจ้าหน้าที่ข้ามเพศทำงานในกองทัพสหรัฐฯ ตลอดจนยกเลิกโครงการเพื่อความหลากหลาย เท่าเทียม และการมีส่วนร่วม หรือ DEI

โครงการ DEI มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในสถานที่ทำงานของผู้คนที่มาจากภูมิหลังที่มีความหลากหลายแตกต่างกันไป ซึ่งการยกเลิกโครงการดังกล่าว เป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาหลักในการหาเสียงของทรัมป์ ซึ่งเขาดำเนินการอย่างรวดเร็วเมื่อเข้ารับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทางกองทัพสหรัฐฯ ยกเลิกคำสั่งแบนทหารข้ามเพศรับราชการในกองทัพในปี 2016 ครั้งที่ บารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครต ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัย 2

ภายใต้นโยบายดังกล่าว ทหารข้ามเพศที่รับราชการอยู่ก่อนแล้วได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้นอย่างเปิดเผย และเริ่มเปิดรับทหารเกณฑ์คนข้ามเพศ ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2017

อย่างไรก็ตาม จากนั้นรัฐบาลทรัมป์สมัยแรกได้สั่งเลื่อนออกไปจนถึงปี 2018 ก่อนตัดสินใจยกเลิกนโยบายนี้ทั้งหมด โหมกระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย

ทรัมป์ อ้างว่ากำลังพลของกองทัพที่เป็นคนข้ามเพศนั้นก่อความวุ่นวาย เพิ่มค่าใช้จ่าย กัดกร่อนความพร้อมของกองทัพ รวมไปถึงกัดเซาะความสัมพันธ์อันดีในหมู่กำลังพล

กระนั้น โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจาก ทรัมป์ ได้กลับลำข้อจำกัดดังกล่าวทันที ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่งในปี 2021 โดยบอกว่าชาวอเมริกันทุกคนที่ผ่านคุณสมบัติสำหรับรับราชการทหาร ควรได้รับโอกาสรับใช้กองทัพตามที่ตั้งใจ

คำสั่งบริหารของไบเดน เป็นการคืนชีพนโยบายที่กำหนดโดยโอบามา แต่ ทรัมป์ ประกาศหลังได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งสมัย 2 เมื่อปีที่แล้ว ว่าเขา "จะเอาพวกคนข้ามเพศออกจากกองทัพ" พร้อมๆ กับลดทอนสิทธิอื่นๆ ของกลุ่มคนข้ามเพศ

ลอยด์ ออสติน อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่ง ดูเหมือนวิพากษ์วิจารณ์แผนของทรัมป์ ระหว่างกล่าวปราศรัยอำลาตำแหน่งเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา "กองทัพใดก็ตามที่หันหลังให้พวกผู้รักชาติที่ผ่านคุณสมบัติ และกระตือรือร้นอยากรับใช้กองทัพ รังแต่จะทำให้กองทัพนั้นๆ เล็กลงและอ่อนแอลง"

ขณะนี้ไม่ชัดเจนว่ามีบุคลากรข้ามเพศที่รับราชการในกองทัพสหรัฐฯ จำนวนเท่าใด แต่ก่อนหน้านี้นักวิจัยประมาณการว่าอยู่ที่ 9,000-15,000 คน และเมื่อปี 2017 Palm Center ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยอิสระ ประเมินว่า การยกเลิกหรือถอนเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นทหารข้ามเพศประมาณ 10,000 นายออกจากกองทัพ อาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 960 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ ยังคาดว่าอาจมีการลงนามคำสั่งให้ทหารสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนโควิด-19 กลับเข้าประจำการอีกครั้ง ซึ่งทหารกลุ่มนี้จะได้ประดับยศคืน พร้อมเงินเดือนและสวัสดิการย้อนหลัง ซึ่งในช่วงที่ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์รับตำแหน่ง ทรัมป์ระบุว่าทหารสหรัฐฯ เหล่านี้ถูกไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม

ทหารสหรัฐฯ ประมาณ 8,000 นายถูกปลดประจำการ เนื่องจากปฏิเสธการฉีดวัคซีนระหว่างปี 2021-2023 โดยมีเพียง 43 นายเท่านั้นที่ได้คืนตำแหน่งก่อนที่ทรัมป์จะกลับเข้าทำเนียบขาว

ขณะที่อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรายหนึ่งระบุว่า การที่ทหารปฏิเสธที่จะฉีดวัคซีนเท่ากับเป็นการทำลายความเป็นระเบียบและวินัย ซึ่งการกลับมาประจำการของทหารกลุ่มนั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวลและเกรงว่าการกระทำดังกล่าวอาจสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดี

(ที่มา : เอเอฟพี/เอเจนซี)


กำลังโหลดความคิดเห็น