xs
xsm
sm
md
lg

เปียงยางทดสอบระบบขีปนาวุธทิ้งตัว ย้ำพร้อมตอบโต้อเมริกาแข็งกร้าวที่สุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอพี - เกาหลีเหนือทดสอบระบบขีปนาวุธทิ้งตัวซึ่งนับเป็นการทดสอบอาวุธครั้งที่ 3 ในปีนี้ พร้อมประกาศตอบโต้ “แข็งกร้าวที่สุด” ต่อการที่อเมริกาและเกาหลีใต้ยั่วยุด้วยการซ้อมรบร่วมภายใต้เป้าหมายบุกเปียงยาง บ่งชี้ว่า โสมแดงจะเดินหน้าทดสอบอาวุธและเผชิญหน้ากับวอชิงตันต่อไป แม้ทรัมป์แย้มต้องการหารือกับคิม จองอึนก็ตาม

สำนักข่าวโคเรียน เซ็นทรัล นิวส์ของทางการเปียงยางรายงานว่า คิมไปสังเกตการณ์การทดสอบอาวุธนำวิถีติดตั้งขีปนาวุธทิ้งตัวเชิงยุทธศาสตร์จากทะเลสู่พื้นผิวเมื่อวันเสาร์ (25 ม.ค.) โดยขีปนาวุธพุ่งเข้าหาเป้าหมายหลังจากโคจรเป็นวงรีและเป็นรูปเลข 8 รวมระยะทาง 1,500 กิโลเมตร อย่างไรก็ดี เอพีระบุว่า ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันข้อมูลนี้ได้

เคซีเอ็นเอเสริมว่า คิมประกาศว่า ศักยภาพการป้องปรามสงครามของเกาหลีเหนือมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น และเกาหลีเหนือจะพยายามเต็มที่เพื่อปกป้องเสถียรภาพบนพื้นฐานของแสนยานุภาพทางทหารที่ได้รับการพัฒนาให้ทรงพลังยิ่งขึ้น

ทางด้านคณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้แถลงว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธทิ้งตัวหลายลูกไปยังน่านน้ำด้านตะวันตกเมื่อเวลาราว 16.00 น.วันเสาร์ และสำทับว่า เกาหลีใต้พร้อมจัดการการยั่วยุของเกาหลีเหนือ ควบคู่กับการเป็นพันธมิตรทางทหารกับอเมริกา

วันอาทิตย์ (26 ม.ค.) เคซีเอ็นเอยังรายงานโดยอ้างแถลงการณ์จากกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือที่วิจารณ์อเมริกาว่า กำลังทำการยั่วยุทางทหารครั้งใหญ่โดยพุ่งเป้าที่เกาหลีเหนือด้วยการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้หลายครั้งในเดือนนี้ และย้ำว่า เกาหลีเหนือจะตอบโต้อย่างแข็งกร้าวที่สุดตราบเท่าที่อเมริกาปฏิเสธผลประโยชน์ด้านอธิปไตยและความมั่นคงของเกาหลีเหนือ

คำเตือนนี้สอดคล้องกับที่คิมประกาศว่า จะดำเนินการนโยบายต่อต้านอเมริกาอย่างแข็งกร้าวที่สุดระหว่างการประชุมทางการเมืองเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เปียงยางมองการซ้อมรบร่วมอเมริกา-เกาหลีใต้เป็นการซ้อมรุกรานตนเอง แม้วอชิงตันและโซลย้ำว่า ปฏิบัติการดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อการป้องกันก็ตาม

ขณะเดียวกัน การกลับสู่ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกคาดหมายว่า จะมีการรื้อฟื้นแนวทางทางการทูตระหว่างวอชิงตันกับเปียงยาง จากที่ทรัมป์เคยพบกับคิมถึง 3 ครั้งระหว่างดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทว่า แนวทางการทูตของทั้งคู่ในช่วงปี 2018-2019 กลับล้มเหลวเนื่องจากการโต้เถียงเกี่ยวกับมาตรการแซงก์ชันทางเศรษฐกิจของอเมริกาต่อเกาหลีเหนือ

อย่างไรก็ดี ระหว่างให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์ นิวส์ที่ออกอากาศเมื่อวันพฤหัสฯ (23 ม.ค.) ทรัมป์กล่าวถึงคิมว่าเป็น “คนฉลาด” และ “ไม่ใช่พวกคลั่งศาสนา” ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกายังบอกว่า จะติดต่อกับคิมอีก

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า มีแนวโน้มที่คิมจะคิดว่า ตนเองอยู่ในสถานะที่พร้อมต่อรองมากขึ้นกว่าตอนที่ทรัมป์รับตำแหน่งสมัยแรก เนื่องจากมีคลังอาวุธนิวเคลียร์ใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังกระชับสัมพันธ์ทางทหารกับรัสเซียแน่นแฟ้นมากขึ้น

ขณะเดียวกัน เกาหลีใต้กังวลมากขึ้นว่า ทรัมป์อาจลดระดับการซ้อมรบและละทิ้งเป้าหมายในการปลดอาวุธนิวเคลียร์และกำจัดโครงการขีปนาวุธพิสัยไกลของโสมแดงซึ่งเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่ออเมริกา

นอกจากนั้น เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ทรัมป์ยังระบุว่า เกาหลีเหนือเป็น “มหาอำนาจนิวเคลียร์” ระหว่างพูดถึงความสัมพันธ์กับคิมในการแถลงข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่หลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

อนึ่ง อเมริกา เกาหลีใต้ และประเทศหุ้นส่วนหลีกเลี่ยงการระบุว่า เกาหลีเหนือเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์มาโดยตลอด เนื่องจากจะเท่ากับเป็นการยอมรับให้เปียงยางเดินหน้าโครงการอาวุธนิวเคลียร์ต่อไปทั้งที่ละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

ภายหลังประชุมสุดยอดกับคิมครั้งแรกในปี 2018 ทรัมป์ทำคนมากมายในเกาหลีใต้อึ้งด้วยการประกาศฝ่ายเดียวระงับการซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ในช่วงฤดูร้อนโดยบอกว่า เป็นการยั่วยุและมีต้นทุนสูงเกินไป

เกาหลีเหนือไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับท่าทีล่าสุดของทรัมป์ และการทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัวในวันเสาร์ถือเป็นการทดสอบอาวุธที่เป็นที่รับรู้ครั้งแรกนับจากทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น