สหภาพยุโรป (อียู) และสหราชอาณาจักร เตรียมพร้อมเป็นอย่างดีสำหรับความเป็นไปได้ที่ต้องทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ตามรายงานของโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวสัญชาติอเมริกา อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้
ในวันแรกที่กลับคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหาร วางกรอบนโยบายการค้า "อเมริกาต้องมาก่อน" สั่งการให้บรรดาหน่วยงานรัฐบาลกลางทบทวนข้อตกลงทางการค้าต่างๆ ที่ทำไว้กับเหล่าประเทศคู่หูทางการค้าในปัจจุบัน
เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ เรียกร้องให้อียู ซื้อน้ำมันและก๊าซจากอเมริกาเพิ่มเติม ไม่อย่างนั้นอาจถูกรีดภาษี ล่าสุดเว็บไซต์โพลิติโก รายงานว่าคณะกรรมาธิการยุโรปยืนยันว่าพวกเขากำลังพิจารณาข้อเสนออย่างจริงจังและอาจทำตามข้อเสนอดังกล่าว
"แม้ชัดเจนว่ายุโรปไม่ต้องการขัดแย้งกับสหรัฐฯ แต่พวกเขาได้ดำเนินการต่างๆ มากมายเช่นกัน ในการเตรียมพร้อมรับมือกับความขัดแข้งในคราวนี้ มากกว่าครั้งก่อนหน้าทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรกเสียอีก" สื่อมวลชนแห่งนี้ระบุเมื่อช่วงกลางสัปดาห์
เมื่อปี 2018 อียูต้องตั้งการ์ดรับมือกับความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ที่ใช้มาตรการรีดภาษีอย่างฉับพลันเล่นงานธุรกิจเหล็กและอะลูมิเนียม กระตุ้นให้อียูกำหนดมาตรการรีดภาษีแก้แค้นสินค้าต่างๆ จากสหรัฐฯ มูลค่า 2,900 ล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของอเมริกา อย่างเช่นรถจักรยานยนต์และวิสกีเบอร์เบิน
โพลิติโก ระบุว่า อียูและสหราชอาณาจักร จำลองสถานการณ์สงครามทางการค้ามานานหลายเดือน และเตรียมการ "คลังแสงอาวุธสำหรับสงครามการค้า" โดยแม้พวกเจ้าหน้าที่หวังว่าจะสามารถโน้มน้าว ทรัมป์ ไม่ให้เล่นงานการส่งออกของอียูด้วยบทลงโทษทางภาษี แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็พร้อมสำหรับความเป็นไปได้ในการดำเนินการตอบโต้ต่างๆ ในนั้นรวมถึงกำหนดมาตรการรีดภาษีแก้แค้น
รายงานข่าวระบุว่า พวกผู้นำยุโรปมีความกังวลเกี่ยวกับนัยท่าทีของทรัมป์ต่อนาโตและจุดยืนสนับสนุนยูเครนด้วยเช่นกัน ในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) เรยกร้องยุโรปให้ยกระดับแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเอง และตั้งคำถามว่าอเมริกาภายใต้การนำของทรัมป์ จะยังคงทำตามพันธสัญญาในด้านความมั่นคงของยุโรปต่อไปหรือไม่
เว็บไซต์ข่าวโพลิติโก ระบุว่าการเตรียมการทางยุทธศาสต์อย่างรวดเร็วของพวกผู้นำยุโรป ในนั้นรวมถึง เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของพวกเขาในการแบกรับความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมในการเจรจาใดๆ กับทรัมป์ในอนาคต
สื่อมวลชนแห่งนี้สรุปว่า "ทรัมป์ เป็นคนหุนหันพลันแล่น และมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่า เขาจะตัดสินใจทำอะไรต่อไป"
มุมมองดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับ มาเรีย ชาคาโรา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ที่บอกว่านโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังคงคาดเดาไม่ได้โดยสิ้นเชิง
(ที่มา : โพลิติโก/อาร์ทีนิวส์)