ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ มีคำสั่งไล่ออกผู้ตรวจการ 17 คนจากหลายหน่วยงานของรัฐบาลกลางเมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว โดยถือเป็นการกำจัดฝ่ายต่อต้านที่จะตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเพื่อเปิดทางให้กลุ่มผู้ที่จงรักภักดีเข้ามาทำงานแทน
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ผู้ตรวจการทั่วไป (inspectors general) ประจำหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ได้รับหนังสือแจ้งผ่านอีเมลจากผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลของทำเนียบขาวว่าพวกเขาถูก “เลิกจ้าง” โดยมีผลในทันที
ทั้งนี้ คำสั่งปลดดังกล่าวถือว่าขัดต่อกฎหมายส่วนกลางของสหรัฐฯ ที่ระบุให้ประธานาธิบดีต้องแจ้งต่อทั้ง 2 สภาถึงสาเหตุในการปลดล่วงหน้า 30 วัน
ทำเนียบขาวยังไม่ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อในประเด็นนี้
สำหรับผู้ตรวจการทั่วไปนั้นถือเป็นตำแหน่งอิสระที่มีหน้าที่ทบทวนและตรวจสอบข้อครหาเกี่ยวกับความสิ้นเปลือง การทุจริตฉ้อโกง หรือการใช้อำนาจโดยมิชอบภายในหน่วยงานต่างๆ
หลายหน่วยงานในสหรัฐฯ เริ่มเดินหน้าปฏิบัติตามคำสั่งบริหารของ ทรัมป์ ซึ่งกลับเข้าครองทำเนียบขาวอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (20) โดยมีการปฏิรูประบบบริหารของส่วนกลางด้วยการยกเลิกโครงการส่งเสริมความหลากหลาย (DEI) เพิกถอนการเสนอจ้างงาน และทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและนโยบายต่างประเทศกว่า 150 คนถูกลดบทบาทลง
อย่างไรก็ตาม ไมเคิล ฮอโรวิตซ์ ผู้ตรวจการทั่วไปในสังกัดกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยังไม่ได้ถูกสั่งปลดตามรายงานของนิวยอร์กไทม์ส ขณะที่วอชิงตันโพสต์ซึ่งเป็นสื่อเจ้าแรกที่ออกมาตีแผ่เรื่องการปลดผู้ตรวจการชี้ว่า ส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่ ทรัมป์ เคยแต่งตั้งในช่วงปี 2017-2021
ในขณะที่ผู้นำหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ อาจถูกตั้งและปลดออกเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ทว่าผู้ตรวจการทั่วไปนั้นสามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ประธานาธิบดีหลายคนได้
ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเทอมแรก ทรัมป์ได้สั่งปลดผู้ตรวจการทั่วไปถึง 5 คนภายในเวลา 2 เดือนเมื่อปี 2020 รวมถึงผู้ตรวจการทั่วไปของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเข้าไปมีส่วนในกระบวนการยื่นถอดถอน ทรัมป์
ในปี 2022 สภาคองเกรสได้เพิ่มกฎระเบียบเพื่อปกป้องผู้ตรวจการทั่วไป โดยทำให้การสั่งเปลี่ยนตัวเพื่อดึงพวกพ้องตัวเองเข้ามาเป็นเรื่องยากขึ้น และยังต้องให้ประธานาธิบดีอธิบายสาเหตุในการสั่งปลดด้วย
ที่มา : รอยเตอร์