เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ วันพฤหัสบดี (24 ม.ค.) ลงนามสั่งเปิดเผยเอกสารลับ CIA และ FBI ทั้งหมดใน 3 คดีดัง ทั้งลอบสังหาร อดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี หรือ JFK รวมน้องชาย JFK และการลอบสังหารผู้นำเรียกร้องสิทธิแอฟริกันอเมริกัน สาธุคุณมาร์ติน ลูเธอร์ คิง หรือ MLK หลังทรัมป์อ่วมโดน 4 รัฐฟ้องฐานขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ชัดเจน ใช้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งยกเลิก “กฎได้สัญชาติในหากเกิดในแผ่นดินอเมริกาปี 1868” หรือ birthright citizenship ต้นกำเนิดจากทาสผิวสี
บีบีซีของอังกฤษรายงานวันนี้ (23 ม.ค.) ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เซ็นลงนามคำสั่งบริหารโดยใช้อำนาจประธานาธิบดีให้เปิดเผยเอกสารลับ CIA และ FBI และอื่นๆที่เกี่ยวข้องในคดีลอบสังหารสะเทือนอเมริกายุค 60 รวม 3 คดีดัง ได้แก่ คดี JFK คดีน้องชาย JFK หรือโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี และคดีสังหารผู้นำแอฟริกันอเมริกันชน 260,000 คนเดินมาร์ชมาที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางพลเมืองให้ชนผิวสีในอเมริกา
ซึ่งคดีดังทั้ง 3 นี้มีทฤษฎีสมคบคิดมากมายและมีหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ทั้ง CIA และ FBI เกี่ยวข้อง
ผู้นำสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (23) ว่า “มีคนเป็นจำนวนมากต่างเฝ้ารอสิ่งนี้มาเป็นเวลานานหลายปี ร่วมหลายสิบปี”
และกล่าวต่อภายในห้องทำงานรูปไข่ที่ทำเนียบขาวว่า “และทุกสิ่งจะถูกเปิดเผย”
บีบีซีรายงานว่า เป็นคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ แสดงแผนที่จะเปิดเผยเอกสารลับภายใน 15 วัน
อดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี หรือ JFK ผู้นำอเมริกาไปลงบนดวงจันทร์ได้สำเร็จเป็นชาติแรกของโลกถูกลอบสังหารที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ในรถเปิดประทุนเมื่อปี 1963 โดย ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ (Lee Harvey Oswald )
ขณะที่น้องชายของ JFK คือ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี ถูกลอบสังหารในรัฐแคลิฟอร์เนียระหว่างกำลังหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกิดขึ้นแค่ 2 เดือนหลัง สาธุคุณผิวสี มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ โดนลอบสังหารเมื่อวันที่ 4 เม.ย. ปี 1968 ที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี โดยเจมส์ เอิร์ล เรย์ (James Earl Ray)
บีบีซีรายงานว่า ทรัมป์ให้สัญญาจะเปิดเผยไฟล์ความลับคดีลอบสังหาร JFK น้องชาย JFK และคดีสาธุคุณ ดร.คิง ตั้งแต่สมัยแรกของการดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2017 แต่ทว่าถูกเจ้าหน้าที่ CIA และ FBI หว่านล้อมให้เก็บเอกสารบางส่วนไว้เก็บงำเป็นความลับในเงามืดต่อไป
เอกสารล่าสุดที่เปิดเผยก่อนหน้าแสดงให้เห็นถึงข้อมูลใหม่เกี่ยวกับสถานการณ์ลอบสังหาร JFK รวมถึงประเด็นเอเยนต์หน่วย CIA จับตาออสวอลด์ มือลอบสังหารอย่างใกล้ชิด
ซึ่งข้อมูลใหม่ได้สร้างความสงสัยไปในประเด็นที่ว่า ออสวอลด์อาจไม่ได้ทำคนเดียว และคาดหวังว่า การเปิดเผยเอกสารทั้งหมดที่มีการเซ็นเซอร์ไว้อาจทำให้สาธารณชนสามารถเข้าใจได้กระจ่างขึ้น
ทั้งนี้ CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า มีเอกสารคดี JFK ถูกเผยแพร่ก่อนหน้า ร่วมถึง 13,000 หน้าในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน
ส่วนการเสียชีวิตของสาธุคุณ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ หรือ MLK ในอเมริกาที่นำพาอเมริกันชนผิวสีไปถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พร้อมวาทะ “I have a dream” ที่สื่อว่า คนต้องมีความเท่าเทียมไม่ว่าจะเป็นสีผิวใด นั้นโดยยิงเสียชีวิตโดยพวกชาตินิยมผิวขาว เจมส์ เอิร์ล เรย์ แต่ทว่าคนในครอบครัวของสาธุคุณออกมาเปิดเผยว่าเขาไม่ได้ลงมือตามลำพังแต่เป็นส่วนหนึ่งของแผนทฤษฎีสมคบคิด
เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทั้งมลรัฐและองค์กรเป็นต้นว่า สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน ACLU ออกมาฟ้องประธานาธิบดีทรัมป์ที่ลงนามในคำสั่งบริหารวันแรกหลังพิธีสาบานตนเสร็จสิ้นสั่งยุติกฎพลเมืองได้สัญชาติในหากเกิดในแผ่นดินอเมริกาปี 1868” หรือ birthright citizenship ต้นกำเนิดจากทาสผิวสีหลังสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ยุติเมื่อปี 1865
เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า John Coughenour ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในเมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน วันพฤหัสบดี (23) ออกคำสั่งห้ามบังคับใช้คำสั่งทรัมป์ชั่วคราวเป็นเวลา 14 วัน โดยเขาประกาศว่า
“เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญขั้นร้ายแรง”
“ภายใต้คำสั่งนี้ ทารกที่เกิดในวันนี้จะไม่ถูกระบุว่าเป็นพลเมืองสหรัฐฯ” Lane Polozola ผู้ช่วยอัยการรัฐวอชิงตัน กล่าวในศาล
เดอะการ์เดียนรายงานว่า กฎหมายแก้ไขครั้งที่ 14 ของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ปี 1868 หรือรู้จักว่า The 14th amendment เกิดขึ้นหลังฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้เกิดสงครามกลางเมืองเลิกทาสปี 1861 และสามารถชนะรวมประเทศได้สำเร็จในปี 1865 และคว่ำคำพิพากษาสุดอื้อฉาวของศาลสูงสุดสหรัฐฯ ปี 1857 ที่ตัดสินอ้างว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ไม่ครอบคลุมปกป้องไปถึงทาสผิวดำ
Polozola เป็นตัวแทนจากรัฐวอชิงตัน รัฐแอริโซนา รัฐอิลลินอยส์ และรัฐโอเรกอนในคดีนี้
ภายใต้คำสั่งผู้พิพากษาพบว่า ได้สั่งห้ามรัฐและเจ้าหน้าที่บังคับใช้เป็นเวลา 14 วันมาจนถึงวันที่ 6 ก.พ.
คำสั่งทางบริหารของทรัมป์ในวันจันทร์ (20) ระบุว่า ทารกคนใดก็ตามที่เกิดหลังวันที่ 19 ก.พ.ที่ซึ่งมีแม่หรือพ่อไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ หรืออาศัยอย่างถูกกฎหมายในอเมริกาจะต้องถูกเนรเทศ
ทั้งนี้ มีทารกไม่ต่ำกว่า 150,000 คนจะถูกปฏิเสธการได้สัญชาติอเมริกันหากว่าคำสั่งทรัมป์ถูกบังคับใช้ มีทั้งหมดถึง 22 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐในอเมริกาฟ้องศาลคดีทรัมป์สั่งยกเลิก “กฎได้สัญชาติ แต่ทว่าเพิ่งมีคดีแรกที่สามารถได้รับการพิจารณาในชั้นศาลในประเทศที่มีต้นกำเนิดมาจากการอพยพข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกของชาวยุโรปและเป็นดินแดนที่มีหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกัน รวมไปถึงชาวอินเดียแดงหรือชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย ที่มีคำถามไปว่า เป็นพลเมืองสหรัฐฯ ด้วยหรือไม่