อีลอน มัสก์ ในวันพุธ (22 ม.ค.) ออกมาแขวะบิ๊กโปรเจกต์เอไอมูลค่ามหาศาล 500,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งโอ่อวดแถลงเปิดตัวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร (21) โดยอภิมหาเศรษฐีซึ่งกลายเป็นคนสนิทของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้ กลับระบุว่า ซอฟต์แบงก์ บริษัทลงทุนหลักของโครงการนี้ไม่ได้มีเงินอย่างที่คุย
ในวันอังคาร (21 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกของการปฏิบัติหน้าที่เต็มวันในทำเนียบขาวของเขา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศโครงการลงทุนของภาคเอกชนในสหรัฐฯ ที่ถูกระบุว่ามีมูลค่าอย่างน้อย 500,000 ล้านดอลลาร์ในชื่อ “สตาร์เกต” เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในอเมริกา โดยตัวตั้งตัวตีของโครงการนี้นำโดย ซอฟต์แบงก์ กิจการการลงทุนของญี่ปุ่นที่เน้นลงทุนด้านเทค ออราเคิล บริษัทเทคยักษ์ด้านซอฟต์แวร์และคลาวด์คอมพิวติ้ง และโอเพนเอไอ ซึ่งโด่งดังด้านเอไอจากการเป็นผู้พัฒนา “แชตจีพีที”
ทว่า เมื่อวันพุธ มัสก์ อภิมหาเศรษฐีร่ำรวยที่สุดของโลกเวลานี้ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในคณะบริหารของทรัมป์หลังจากช่วยอัดฉีดแคมเปญหาเสียงถึง 270 ล้านดอลลาร์ กลับแสดงความคิดเห็นที่ส่งสัญญาณความร้าวฉานกับทรัมป์อย่างที่ไม่ค่อยพบเห็นกัน ด้วยการโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ของตัวเขาเองว่า ซอฟต์แบงก์ซึ่งเป็นนักลงทุนหลักของสตาร์เกตนั้น ไม่ได้มีเงินมาลงทุนจริงเพราะยังมีหนี้ที่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ โครงการสตาร์เกตประกาศเป้าหมายในการลงทุนขั้นต้นเอาไว้ที่ 100,000 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มเป็น 500,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 4 ปี
สื่อบลูมเบิร์ก รายงานว่า ซอฟต์แบงก์และโอเพนเอไอมีแผนอัดฉีดเงินทุนให้สตาร์เกตรายละ 19,000 ล้านดอลลาร์ และถือหุ้นฝ่ายละ 40% นอกจากนี้ ยังมีเอ็มจีเอ็กซ์ กองทุนที่โฟกัสเอไอของรัฐบาลอาบูดาบี และออราเคิล ที่จะร่วมลงเงินแห่งละ 7,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนเงินทุนที่เหลือจะมาจากหุ้นส่วนกลุ่มหนึ่งและการก่อหนี้
สตาร์เกตยังมีบริษัทอาร์ม ของซอฟต์แบงก์ ไมโครซอฟท์ และเอ็นวีเดีย เป็นหุ้นส่วนด้านเทคโนโลยี โดยขณะนี้ศูนย์ข้อมูลแห่งแรกอยู่ระหว่างการก่อสร้างในเทกซัส
ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า ออราเคิลนั้นมีเงินสดและหลักทรัพย์อยู่ในมือ 11,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนซอฟต์แบงก์มีเงินสดในมือราว 30,000 ล้านดอลลาร์
ทางด้าน แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกของทรัมป์ ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ ฟ็อกซ์ นิวส์ ในวันพุธว่า อเมริกันชนควรฟังทรัมป์และซีอีโอทั้งสามคนที่ร่วมแถลงข่าวสตาร์เกต ได้แก่ มาซาโยชิ ซัน ของซอฟต์แบงก์ แซม อัลต์แมน จากโอเพนเอไอ และแลร์รี เอลลิสัน ของออราเคิล และสำทับว่า การลงทุนในโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ และช่วยสร้างงานจำนวนมากในอเมริกา
แค้นฝังหุ่น
อย่างไรก็ตาม พวกที่อยู่ในวงการเทคระบุว่า เป้าหมายการแซะของมัสก์คราวนี้ จริงๆ แล้วคือ อัลต์แมน และโอเพนเอไอ บริษัทสตาร์ทอัปด้านเอไอที่กลายเป็นผู้นำโลก ซึ่งมัสก์เคยเข้าร่วมในช่วยก่อตั้งก่อนที่จะถอนตัวออกมาในปี 2018
ในวันพุธ อัลต์แมนโพสต์ตอบโต้บนเอ็กซ์โดยท้ามัสก์ให้ไปดูศูนย์ข้อมูลที่กำลังก่อสร้างในเทกซัส และสำทับว่า โครงการนี้เป็นประโยชน์อย่างมากต่อประเทศ แต่อาจไม่ดีสำหรับบริษัทของมัสก์ แต่เขายังหวังว่า ด้วยบทบาทใหม่ในคณะบริหาร มัสก์จะเห็นแก่ประเทศชาติเป็นอันดับแรก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า มัสก์กับอัลต์แมนเริ่มปีนเกลียวกันจากการถกเถียงภายในที่ประชุมบอร์ดของโอเพนเอว่า ใครควรได้คุมบริษัทแห่งนี้ที่ทั้งคู่ช่วยกันก่อตั้งขึ้นมา
ปีที่แล้ว มัสก์ นักลงทุนรุ่นแรกๆ ในโอเพนเอไอและยังเป็นสมาชิกบอร์ด กล่าวหาบริษัทเอไอแห่งนี้ทรยศต่อเป้าหมายที่กำหนดไว้เมื่อเริ่มก่อตั้ง ในการเป็นห้องปฏิบัติการวิจัยซึ่งไม่หวังผลกำไร และนับจากนั้นมหาเศรษฐีผู้นี้ก็ขยันหาเรื่องมากล่าวหา และยังขอให้ศาลสั่งให้โอเพนเอไอยุติแผนการปรับเปลี่ยนไปเป็นกิจการธุรกิจที่มุ่งหวังกำไร โดยมีกำหนดนัดหมายจะไปให้การในศาลชั้นต้นสหรัฐฯ ที่แคลิฟอร์เนียเดือนหน้า
นอกจากนั้น เมื่อปีที่แล้ว มัสก์ที่เป็นเจ้าของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ได้ตั้งบริษัทเอไอของตัวเองชื่อว่า เอ็กซ์เอไอ ที่ขณะนี้กำลังสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในเทนเนสซี
มหาเศรษฐีไฮเทคผู้นี้อ้างว่า เผชิญการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากโอเพนเอไอ นอกจากนั้นเขายังยุติการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับไมโครซอฟท์ที่ช่วยสนับสนุนทรัพยากรการคำนวณจำนวนมากที่ใช้ในการสร้างระบบเอไออย่างเช่นแชตจีพีที
(ที่มา : เอเอฟพี/เอพี)