จิมมี ไหล่ (Jimmy Lai) เจ้าพ่อสื่อโปรประชาธิปไตยฮ่องกง ให้การต่อศาลซึ่งกำลังไต่สวนเขาในความผิดฐานสมคบคิดต่างชาติวานนี้ (16 ม.ค.) ว่า ตนเคยจ่ายเงินว่าจ้างอดีตนายพลสหรัฐฯ คนหนึ่งเมื่อช่วงปลายปี 2017 ให้เป็นที่ปรึกษาแก่ ไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวันในขณะนั้น แต่ยืนยันว่าที่ทำลงไปไม่ได้มีเจตนาบ่อนทำลายความมั่นคงของจีน
ไหล่ ยอมรับกับศาลฮ่องกงว่า เขาเคยทำ "โปรเจกต์" อย่างหนึ่งเพื่อยกระดับการสื่อสารพูดคุยระหว่างสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ กับรัฐบาลของ ไช่ อิงเหวิน
ไหล่ วัย 77 ปี เป็นผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ Apple Daily สื่อส่งเสริมแนวคิดประชาธิปไตยของฮ่องกงที่ปิดตัวไปแล้วเรียบร้อย
เขายังคงยืนกรานปฏิเสธ 2 ข้อหาที่ถูกฟ้อง ได้แก่ ข้อหาสมคบคิดต่างชาติ และข้อหาสมคบคิดตีพิมพ์เอกสารยุยงปลุกปั่น ซึ่งหากศาลพิพากษาว่ามีความผิดจริงก็อาจมีโทษถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต
ไหล่ ถูกแยกขังเดี่ยวมาตั้งแต่โดนจับเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2020 ฐานฝ่าฝืนกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนนำมาบังคับใช้กับฮ่องกง
สหรัฐฯ และอังกฤษเรียกร้องให้จีนปล่อยตัว ไหล่ ทันที พร้อมวิจารณ์กระบวนการไต่สวนความผิดของเขาว่ามีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ท่ามกลางความพยายามของจีนที่จะใช้กฎหมายความมั่นคงปิดปากนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยบนเกาะศูนย์กลางการเงินแห่งนี้
ทางการจีนและฮ่องกงยืนยันว่า กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติจำเป็นสำหรับการฟื้นฟูเสถียรภาพให้กับฮ่องกง และทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมตามกฎหมายรวมถึง ไหล่ ด้วย
อัยการ แอนโทนี เชา ได้นำข้อความจาก WhatsApp มาเป็นหลักฐานยืนยันต่อศาลว่า ไหล่ เคยช่วยนัดหมายให้ แจ็ค คีน (Jack Keane) อดีตนายพลสหรัฐฯ และพอล วอลโฟวิตซ์ (Paul Wolfovitz) อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้พบกับประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ที่กรุงไทเป โดย ไช่ นั้นต้องการที่จะทราบว่ารัฐบาล ทรัมป์ มีจุดยืนอย่างไรต่อปัญหาไต้หวัน
อัยการผู้นี้ยังได้ตั้งคำถามกับ ไหล่ ว่า เขามีเจตนาใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือต่อรองกับรัฐบาลจีนหรือไม่? และที่ดึง คีน กับ วอลโฟวิตซ์ เข้ามานั้นก็เพื่อแนะนำแนวทางอัปเกรดอาวุธให้ไต้หวันใช่หรือไม่? ซึ่ง ไหล่ ตอบปฏิเสธทั้งสองคำถาม
เขายังปฏิเสธไม่เคยทำข้อตกลงใดๆ กับใครที่จะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของจีน และตนเองก็ไม่เคยข้องเกี่ยวกับกิจกรรมลักษณะนั้นด้วย
เมื่อวันจันทร์ (13) ไหล่ ยังปฏิเสธว่าไม่เคยล็อบบี้รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ให้ทำกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่อจีน รวมถึงการผูกโยงปัญหาสิทธิมนุษยชนฮ่องกงเข้ากับการเจรจาข้อตกลงการค้ากับจีน
"สิทธิมนุษยชนไม่ใช่การมุ่งร้าย" เขากล่าวต่อศาล
ที่มา : รอยเตอร์