นายกรัฐมนตรีเดนมาร์กระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (16 ม.ค.) ความเห็นยั่วยุของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเข้าควบคุมเกาะกรีนแลนด์ นำมาซึ่งสถานการณ์ร้ายแรง ที่การพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่าง 2 ผู้นำก็ยังไม่อาจคลี่คลายได้
ทรัมป์ มีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ได้ก่อความตื่นตระหนกในช่วงต้นเดือน หลังปฏิเสธความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงเพื่อยึดคลองปานามาและเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก
ไม่นานก่อนคริสต์มาส ทรัมป์ บอกว่า "เพื่อจุดประสงค์ด้านความมั่นคงแห่งชาติและเสรีภาพทั่วโลก สหรัฐฯ รู้สึกว่าการเป็นเจ้าของและควบคุมเกาะกรีนแลนด์ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างที่สุด"
ล่าสุด เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (16 ม.ค.) ว่า ทรัมป์ ไม่ถอนคำขู่รีดภาษีจนหยดสุดท้ายเล่นงานประเทศของเธอ ระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์ราว 45 นาที ในวันพุธ (15 ม.ค.) หลังจากเคยพูดเป็นนัยว่าจะขึ้นเพดานภาษีสินค้าเดนมาร์ก หากว่าขัดขืนข้อเสนอของเขาในการขอซื้อเกาะกรีนแลนด์
"สถานการณ์ร้ายแรง" เธอกล่าวระหว่างแถลงข่าว "เคราะห์ร้าย พวกอเมริกาบ่งชี้ว่า เราอาจพบว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์หนึ่งๆ ที่เราทำงานร่วมกันน้อยกว่าทุกวันนี้ในขอบเขตทางเศรษฐกิจ" เฟรเดอริกเซนกล่าว
ทั้งนี้ เฟรเดอริกเซน ประชุมกับเหล่าประธานบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ของเดนมาร์ก ในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี (16 ม.ค.) หลังภาคธุรกิจแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ ต่อกรณีเกาะกรีนแลนด์ หลังทรัมป์ ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้มาตรการทางทหารหรือเศรษฐกิจ ยึดเกาะแห่งนี้
สหรัฐฯ คือตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก
ทำเนียบนายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (15 ม.ค.) ว่า เฟรเดอริกเซน เน้นย้ำกับ ทรัมป์ ว่า "มันขึ้นอยู่กับชาวกรีนแลนด์เองที่จะตัดสินใจด้านความเป็นเอกราช" ระหว่างที่ทั้ง 2 พูดคุยทางโทรศัพท์
เฟรเดอริกเซน ยังได้เน้นย้ำคำพูดของ มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ ที่ประกาศกร้าวว่าเมื่อวันจันทร์ (13 ม.ค.) "กรีนแลนด์ไม่ได้มีไว้ขาย" แต่เปิดกว้างสำหรับการกระชับสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นกับสหรัฐฯ
ทรัมป์ เคยพูดเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับความต้องการซื้อเกาะกรีนแลนด์เมื่อปี 2019 ครั้งที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธจากกรีนแลนด์และเดนมาร์กในทันที
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์)