xs
xsm
sm
md
lg

ฮือฮา! ฮิวแมนไรท์วอชออกโรงเตือน “ทรัมป์” กลับเข้าทำเนียบขาวรอบ 2 จ่อคุกคาม “สิทธิเสรีภาพ” ทั้งโลก ส่วน “ไบเดน” แถลงอำลาอเมริกันชนเตือนครั้งสุดท้าย “กลุ่มอภิสิทธิ์ชนชั้น CEO” รวย $$$พันล้าน กำลังเปลี่ยนสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวอำลาต่ออเมริกันชนคืนวันพุธ (15 ม.ค.) เตือนว่า พวกกลุ่มอภิสิทธิ์ชนมหาเศรษฐี CEO กำลังเปลี่ยนอเมริกา ชี้ไปถึง “อีลอน มัสก์” หัวหอกช่วยทรัมป์ชนะเลือกตั้งปี 2024 ขณะที่กลุ่มฮิวแมนไรท์วอชออกแถลงการณ์วันพฤหัสบดี (16 ม.ค.) ชี้ การกลับทำเนียบขาวของทรัมป์เป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพ

เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานวานนี้ (15 ม.ค.) ว่า แถลงการณ์อำลาตำแหน่งคืนวันพุธ (15) ผู้นำสหรัฐฯ พรรคเดโมแครตวัย 82 ปี ออกโรงเตือนว่าสหรัฐฯ กำลังตกอยู่ในมือของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนเหล่ามหาเศรษฐีรวยพันล้านดอลลาร์ ที่หากมีผลลัพธ์อย่างคาดไม่ถึงตามมาหากมีการใช้อำนาจมิชอบและปราศจากการตรวจสอบ ซึ่งเป็นแถลงการณ์ที่ออกมามุ่งโจมตี "อีลอน มัสก์" เจ้าของเทสลาและสเปซเอ็กซ์อย่างชัดเจน

มัสก์ได้ทุ่มเงินกว่า 100 ล้านเพื่อช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งทำเนียบขาวปีที่แล้ว และเขายังเดินหน้าเข้าแทรกแซงการเมืองในหลายประเทศทั้งที่อังกฤษและเยอรมนี ล่าสุดอ้างอิงจากฟ็อกซ์นิวส์รายงานวันอังคาร (14) ว่า มัสก์จะย้ายเข้าไปทำงานในทำเนียบขาว

ฟ็อกซ์นิวส์รายงานว่า ตามข่าวมัสก์จะนั่งในอาคารสำนักงานบริหารสูงสุดไอเซนฮาวร์ (Eisenhower Executive Office Building) ในตำแหน่งผู้บริหารร่วมของสำนักงานเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานรัฐ DOGE (Department of Government Efficiency) ที่ทรัมป์ตั้งขึ้น

และมัสก์ รวมถึงซีอีโอไฮเทคคนอื่นรวมถึง เจฟฟ์ เบโซส เจ้าของแอมะซอน และบริษัทอวกาศบลูออริจินและหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ และมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊ก อ้างอิงจาก NBC News รายงานวานนี้ (15) จะเข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีสาบานตนของว่าที่ผู้นำ โดนัลด์ ทรัมป์ วันจันทร์ที่ 20 ม.ค. โดยทั้งเบโซสและซักเคอร์เบิร์กได้บริจาคคนละ 1 ล้านดอลลาร์ให้กองทุนพิธีสาบานตนของทรัมป์

“ในแถลงการณอำลาของผมคืนนี้ ผมต้องการเตือนประเทศต่อบางสิ่งที่ทำให้ผมมีความวิตกเป็นอย่างมาก และนั่นคือการกระจุกตัวของอำนาจอย่างเป็นอันตรายในมือของกลุ่มเศรษฐีพันล้านเพียงแค่ไม่กี่คน และผลที่ตามมาอย่างร้ายแรงหากว่าพวกเขาเหล่านี้เกิดใช้อำนาจอย่างมิชอบ อย่างปราศจากการตรวจสอบ”
อ้างอิงจากนิวยอร์กโพสต์

และกล่าวต่อว่า “วันนี้กลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่กำลังทำการเปลี่ยนแปลงในอเมริกานั้นมีความร่ำรวยมหาศาล อำนาจ และอิทธิพลที่สามารถคุกคามประชาธิปไตยพวกเราทั้งหมด สิทธิพื้นฐานของพวกเราและเสรีภาพและโอกาสที่เท่าเทียมสำหรับทุกคนในการเติบโต”

เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้แสดงไปถึงความวิตกอย่างสูงตั้งแต่ เสรีภาพของสื่อที่หดหาย การขยายอิทธิพลของอุตสาหกรรมทหาร การเพิ่มขึ้นของข้อมูลเท็จ และความจำเป็นต้องขจัดเงินมืดให้ออกไปจากแวดวงการเมืองสหรัฐฯ

ผู้นำสหรัฐฯ ที่กำลังจะลงจากตำแหน่งเตือนว่ากลุ่มมหาเศรษฐีพันล้านนั้นกำลังมีอำนาจเพิ่ม และให้อเมริกันชนระวังกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่เกิดใหม่กำลังคุกคามฐานรากของประชาธิปไตยสหรัฐฯ

เดลีเทเลกราฟวิเคราะห์ว่า แถลงการณ์อำลาของไบเดนคืนวันพุธ (15) มีความคล้ายคลึงกับแถลงการณ์ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอมพล ดไวต์ เดวิด ไอก์ ไอเซนฮาวร์ ในแถลงการณ์อำลาเมื่อปี 1961 โดยในเวลานั้นเขาเตือนทั้งประเทศถึงภัยการเติบโตของอุตสาหกรรมทหาร

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดนใช้เวลา 15 นาทีของแถลงการณ์อำลาในการเสนอโมเดลการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติและแสดงความวิตกต่อผู้ที่จะมารับตำแหน่งต่อจากเขา "โดนัลด์ ทรัมป์” แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา

แถลงการณ์อำลาของไบเดนยังคล้ายกับแถลงการณ์ของกลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอชที่ในวันพฤหัสบดี (16) ได้ออกแถลงเตือนการกลับมาของทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอบใหม่นั้นอาจเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพ

รอยเตอร์รายงานวันพฤหัสบดี (16) ว่า ติรานา ฮัสซาน (Tirana Hassan) ผู้อำนวยการกลุ่มฮิวแมนไรท์วอชที่มีฐานในนิวยอร์กยืนยันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ที่กำลังจะเริ่มสมัยการดำรงตำแหน่งสัปดาห์หน้านั้นถูกมองว่าเป็นภัยต่อเสรีภาพทั้งในที่บ้านสหรัฐฯ และในต่างประเทศ

ฮัสซานเตือนว่า สมัยที่ 2 ของทรัมป์อาจสร้างความเสียหายได้มากกว่าสมัยแรกเสียอีก

“รัฐบาลทรัมป์สมัยแรกแสดงให้พวกเราเห็นในสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้และโดยเฉพาะต่อการแสดงถึงไม่ยึดมั่นต่อสิทธิมนุษยชน”

และเสริมต่อว่า แต่โปรเจกต์ 2025 และแถลงการณ์ที่พวกเราต่างได้ยินจากว่าที่ประธานาธิบดีนั้นได้เริ่มที่จะแสดงให้เห็นว่าจะมีการละเมิดอย่างสำคัญต่อสิทธิผู้อพยพ” โดยอ้างไปถึงข้อเสนอนโยบายของฝ่ายคอนเซอร์เวทีฟและแผนปฏิบัติการเนรเทศผู้อพยพครั้งมโหฬาร

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอช ยังตำหนิประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่กำลังจะหมดวาระว่า นโยบายของเขาในการป้อนอาวุธให้อิสราเอลในการทำสงครามกาซาถึงแม้ว่าจะมีหลักฐานอย่างชัดเจนว่า อาวุธเมดอินยูเอสเอเหล่านั้นจะถูกใช้ต่อพลเรือนกาซาอย่างป่าเถื่อนก็ตาม




กำลังโหลดความคิดเห็น