เอเอฟพี - ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ประกาศเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงเพื่อต่อต้านพฤติกรรมแข็งกร้าวของจีนในเส้นทางการค้าทางทะเลสำคัญหลายแห่ง ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ทรัมป์จะลดพันธะสัญญาด้านความมั่นคงในเอเชีย
ทาเคชิ อิวายะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น พบกับเอนริเก มานาโล รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ และประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอสในมะนิลาเมื่อวันพุธ (15 ม.ค.) เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นด้านความมั่นคงระหว่างกัน
อิวายะ และมานาโลหารือเกี่ยวกับความพยายามของปักกิ่งในการอ้างสิทธิควบคุมเหนือทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ รวมถึงการที่จีนอ้างสิทธิด้านดินแดนและอธิปไตยในทะเลจีนตะวันออกทับซ้อนกับญี่ปุ่น
อิวายะกล่าวในงานแถลงข่าวร่วมว่า เพื่อรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ตกลงที่จะเสริมสร้างการเป็นหุ้นส่วนต่อไป และโตเกียวจะยังคงให้ความช่วยเหลือเพื่อปรับปรุงความมั่นคงทางทะเลและศักยภาพด้านความมั่นคงทางทะเลของมะนิลา ซึ่งต้องเผชิญหน้าอย่างตึงเครียดมากขึ้นกับจีนจากกรณีพิพาทในน่านน้ำและแนวปะการังในทะเลจีนใต้ในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จีนอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด แม้ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวขาดพื้นฐานทางกฎหมายรองรับก็ตาม และในสัปดาห์นี้มะนิลายังแสดงความกังวลกับการที่เรือของหน่วยยามฝั่งจีนลาดตระเวนใกล้ชายฝั่งฟิลิปปินส์
อิวายะกล่าวว่า ตนกังวลอย่างยิ่งว่า จีนจะกระทำการที่ทำให้สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ตึงเครียดยิ่งขึ้นซ้ำอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่นานาชาติควรกังวลเนื่องจากมีผลโดยตรงกับสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค
มานาโลขานรับว่า สถานการณ์ความปลอดภัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ของฟิลิปปินส์ซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น และแสดงความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินการฝ่ายเดียวที่มุ่งบ่อนทำลายหลักนิติธรรมในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก
ด้วยเหตุนี้ฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นจึงร่วมมือกันในบริบทดังกล่าว ซึ่งไม่เพียงเพื่อแก้ปัญหาในแง่การทหารและความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวของสองประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินสำคัญสำหรับความพยายามของฟิลิปปินส์ในการปรับปรุงเรือตรวจการณ์ในทะเลจีนใต้ รวมทั้งระบบเฝ้าระวังทางทะเล
อิวายะเสริมว่า ตนและมานาโลยังเห็นพ้องในการเสริมสร้างการเป็นหุ้นส่วน 3 ฝ่ายกับอเมริกา และสานต่อการสื่อสารที่ดีกับคณะบริหารชุดใหม่ของสหรัฐฯ เพื่อรักษาและส่งเสริมโมเมนตัมความร่วมมือสามฝ่าย
อเมริกามีข้อตกลงเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับฟิลิปปินส์ยาวนานนับสิบปีที่ครอบคลุมถึงสนธิสัญญาร่วมป้องกันประเทศ และข้อตกลงปี 2014 ที่อนุญาตให้กองทัพสหรัฐฯ จัดเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ในฐานทัพ 9 แห่งในแดนตากาล็อก
ในระหว่างการหารือทางโทรศัพท์กับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของอเมริกาเมื่อวันพุธ มาร์กอสแสดงความเห็นแง่ดีในการคงสัมพันธภาพที่เข้มแข็งและมีพลวัตกับอเมริกาภายใต้คณะบริหารของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทรัมป์ที่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ผลักดันวาระ “อเมริกาต้องมาก่อน” โดยอิงกับนโยบายการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับต่างชาติและการกีดกันการค้า