เจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงเขตบริหารพิเศษฮ่องกงร่วมหารือกับตำรวจไทยที่กรุงเทพมหานครในสัปดาห์นี้ เพื่อร่วมกันหาวิธีช่วยเหลือชาวจีนซึ่งถูกล่อลวงให้ไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย หลังพบว่ามีคนจีนตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การหารือดังกล่าวเกิดขึ้นสืบเนื่องจากกรณีของดาราจีน “หวัง ซิง” หรือ “ซิง ซิง” ซึ่งถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกแคสต์งานผ่านทาง wechat และหายตัวไปบริเวณพรมแดนไทย-พม่า ก่อนเจ้าหน้าที่จะสืบหาร่องรอยจนกระทั่งช่วยเหลือกลับมาได้อย่างปลอดภัย
องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า เมืองซึ่งตั้งอยู่บริเวณพรมแดนไทย ลาว และพม่า ได้กลายเป็นฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งมีพฤติกรรมฉ้อโกงผ่านระบบออนไลน์ โดยมีเหยื่อนับพันๆ คนจากหลากหลายสัญชาติที่ถูกหลอกให้เข้าไปทำงานภายในศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้
“มีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรง เมื่อมีพลเมืองฮ่องกงต้องสงสัยว่าอาจถูกลวงให้เดินทางไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ทำงานที่ผิดกฎหมาย" ฝ่ายบริหารฮ่องกงระบุในคำแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (12)
ทางการฮ่องกงยังชี้ว่า สถิติการล่อลวงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2024
ทีมงานจากกระทรวงความมั่นคงเขตบริหารพิเศษฮ่องกงซึ่งนำโดย ไมเคิล ชัวร์ค (Micheal Cheuk) ได้ร่วมประชุมกับคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยเมื่อวันอังคาร (14) เพื่อประสานงานในการช่วยเหลือพลเมืองฮ่องกงออกมาจากฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ได้โดยเร็วที่สุด
ทางการฮ่องกงระบุว่า จากคำร้องขอความช่วยเหลือทั้งหมด 28 กรณี มีเหยื่อ 16 รายซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถช่วยออกมาและส่งตัวกลับบ้านแล้ว ส่วนอีก 12 คนที่เหลือ “มีรายงานว่ายังถูกจำกัดความเคลื่อนไหว”
ขณะเดียวกัน สถานทูตจีนประจำพม่าได้ออกประกาศเตือนพลเมืองจีนให้เฝ้าระวังกิจกรรมของแก๊งมิจฉาชีพที่ล่อลวงเหยื่อผ่านระบบโทรคมนาคมและออนไลน์ หลังมีรายงานคนจีนจำนวนมากถูกหลอกให้เดินทางไปยังเมืองเมียวดีบริเวณชายแดนไทย-พม่า เพราะหลงเชื่อว่าจะได้ “ทำงานที่มีรายได้ดีในต่างประเทศ”
เหยื่อที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ล่อลวงส่วนใหญ่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน ไต้หวัน และฮ่องกง ทว่าก็มีบางรายที่ถูกหลอกมาไกลจากแอฟริกาและละตินอเมริกา ตามข้อมูลของยูเอ็น
ที่มา : รอยเตอร์/MGROnline