ทางการเกาหลีใต้เข้าจับกุมประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล เพื่อนำตัวไปสอบสวนความผิดฐานก่อกบฏ (insurrection) ได้สำเร็จวันนี้ (15 ม.ค.) ขณะที่ ยุน ประกาศว่าตนยอมให้ความร่วมมือกับกระบวนการสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิด "เหตุการณ์นองเลือด"
นับตั้งแต่ถูกสมาชิกรัฐสภาโหวตถอดถอนออกจากตำแหน่งสืบเนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ปีที่แล้ว ยุน ก็กบดานอยู่แต่ในบ้านพักริมเชิงเขา โดยมีหน่วยอารักขาประธานาธิบดีจำนวนหนึ่งคอยคุ้มกัน และสกัดขัดขวางความพยายามจับกุม ยุน รอบแรก
การจับกุม ยุน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับประธานาธิบดีในตำแหน่งของเกาหลีใต้ นับเป็นความคืบหน้าล่าสุดในวิกฤตการเมืองที่สั่นสะเทือนแดนโสมขาว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาติที่มีระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็งที่สุดในเอเชีย แม้จะมีประวัติดำเนินคดีและสั่งจำคุกอดีตประธานาธิบดีมาแล้วหลายคนก็ตาม
ยุน ซึ่งยังคงยืนกรานความบริสุทธิ์อย่างแข็งกร้าว ระบุว่าที่ยอมมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น หลังจากที่มีตำรวจมากกว่า 3,000 นายเดินเข้ามายังบ้านพักเพิ่อจับกุมตนในช่วงเช้าวันนี้ (15)
"เมื่อผมเห็นพวกเขาฝ่าแนวรักษาความปลอดภัยเข้ามาโดยใช้อุปกรณ์ดับเพลิงในวันนี้ ผมก็ตัดสินใจตอบสนองต่อ CIO แม้จะเป็นการสอบสวนที่ผิดกฎหมายก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดอันไม่พึงประสงค์ขึ้น" ยุน ระบุในถ้อยแถลง
ขบวนรถยนต์ของผู้นำเกาหลีใต้เดินทางไปถึงสำนักงานสอบสวนการทุจริตประพฤติมิชอบโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูง (CIO) ที่เป็นผู้นำในการสอบสวนคดีเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15)
หลังจากนี้ทางการจะมีเวลา 48 ชั่วโมงในการที่จะสอบปากคำ ยุน หลังจากนั้นต้องตัดสินใจว่าจะขอหมายจับเพื่อคุมตัว ยุน เอาไว้ได้อีกสูงสุดไม่เกิน 20 ชั่วโมง หรือว่าจะปล่อยตัวไป
ทีมทนายความของ ยุน อ้างว่า ความพยายามการจับกุม ยุน เป็นไปอย่างผิดกฎหมาย และมีเจตนาทำให้ผู้นำเกาหลีใต้ต้องได้รับความอับอายต่อหน้าสาธารณชน
สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า การควบคุมตัว ยุน อาจเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ขณะที่กลุ่มประชาชนผู้สนับสนุน ยุน ซึ่งไปรวมตัวกันใกล้ๆ บ้านพักของเขาบางคนร้องไห้ด้วยความเสียใจ และมีการปะทะเล็กน้อยกับตำรวจ ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวรอยเตอร์ซึ่งอยู่ในพื้นที่
การประกาศกฎอัยการศึกของ ยุน สร้างความตกตะลึงต่อชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก ทั้งยังสั่นสะเทือนเศรษฐกิจแดนโสมขาวที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก จนนำไปสู่การลงมติถอดถอนโดยรัฐสภาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.
ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้จะต้องพิจารณาว่าจะรับรองมติถอดถอน ยุน และปลดเขาจากเก้าอี้ผู้นำประเทศอย่างสมบูรณ์ หรือว่าจะคืนอำนาจประธานาธิบดีให้แก่เขา
ผู้สนับสนุน ยุน บางคนเปรียบเทียบชะตากรรมของเขาว่าไม่ต่างกับสิ่งที่ว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยโดนมา โดย ทรัมป์ ซึ่งอ้างว่าตนเองถูกโกงเลือกตั้งในปี 2020 และโดนสั่งฟ้องคดีอาญาหลายคดี สร้างประวัติศาสตร์ “คัมแบ็ก” กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ ได้สำเร็จในปีนี้
“มันน่าเสียใจมากที่เห็นประเทศของเราแตกแยก” คิม วูซุบ วัย 70 ปี ซึ่งเดินทางมาประท้วงการจับกุม ยุน ที่ด้านนอกบ้านพักของเขาวันนี้ (15) ระบุ
แม้ผลสำรวจความคิดเห็นจะพบว่าคนเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่ ยุน เลือกใช้วิธีประกาศกฎอัยการศึก และสนับสนุนมติถอดถอน ทว่าเหตุเผชิญหน้าทางการเมืองที่เกิดขึ้นก็กระตุ้นให้ฝ่ายสนับสนุนพรรคพลังประชาชน (PPP) ของ ยุน ทวีความฮึกเหิมขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้
ผลสำรวจโดย Realmeter ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (13) พบว่า พรรค PPP มีคะแนนนิยมอยู่ที่ 40.8% ในขณะที่พรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้านอยู่ที่ 42.2% ซึ่งถือว่าอยู่ในกรอบค่าความผิดพลาดของโพล และลดลงจากส่วนต่างถึง 10.8% ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว
ที่มา : รอยเตอร์