ราคาน้ำมันขยับลงในวันอังคาร (14 ม.ค.) ตามหลังรัฐบาลสหรัฐฯ คาดการณ์อุปสงค์ภายในประเทศจะทรงตัวในปี 2025 ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน นักลงทุนทบทวนรายงานผลประกอบการบริษัทและตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งปัจจัยนี้ผลักราคาทองคำดีดตัวขึ้นเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 1.32 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ (อีไอเอ) ในวันอังคาร (14 ม.ค.) คาดการณ์ว่าอุปสงค์พลังงานของอเมริกาจะทรงตัวอยู่ที่ราว 20.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2025 และ 2026 แต่กำลังผลิตของประเทศจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 13.55 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปรับเพิ่มจากที่เคยคาดหมายไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 13.52 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (14 ม.ค.) ซื้อขายผันผวน ก่อนปิดผสมผสาน นักลงทุนทบทวนข้อมูลเงินฟ้อ และเตรียมรับมือรายงานผลประกอบการรายไตรมาสของบรรดาบริษัทจดทะเบียนทั้งหลาย
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 221.16 จุด (0.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 42,518.28 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.69 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,842.91 จุด แนสแดค ลดลง 43.71 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 19,044.39 จุด
เบื้องต้นตลาดดีดตัวขึ้นจากรายงานกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ที่เผยให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนธันวาคม แต่รายงานไม่อาจปัดเป่าความคาดหมายเกี่ยวกับแนวโน้มเส้นทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปีนี้
ตลาดแกว่งตัวไปมาในวันอังคาร (14 ม.ค.) นักลงทุนเฝ้ารอรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ (15 ม.ค.) ซึ่งจะช่วยให้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะเงินเฟดและแนวโน้มความเคลื่อนไหวของเฟด
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร (14 ม.ค.) ขยับขึ้นจากดอลลาร์อ่อนค่าลงและนักลงทุนหวังว่าเฟดจะเดินหน้านโยบายผ่อนคลายดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 3.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,682.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)