เจ้าหน้าที่จีนอยู่ระหว่างหาช่องทางที่เป็นไปได้ในการขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ให้แก่มหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ หลังจากแอปแชร์วิดิโอสั้นถูกรัฐบาล โจ ไบเดน ออกกฎหมายบีบให้ต้องการขายกิจการ ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อวันจันทร์ (13 ม.ค.)
รายงานฉบับนี้อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดซึ่งระบุว่า พวกเจ้าหน้าที่ที่กรุงปักกิ่งกำลังหารือฉากทัศน์หนึ่งที่จะให้ มัสก์ ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม X เข้ามาซื้อ TikTok จากบริษัทแม่ไบต์แดนซ์ (ByteDance) และผนวกรวมมันเข้ากับ X หรืออดีตทวิตเตอร์
รายงานนี้ยังมีการประเมินมูลค่าของกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ว่าอยู่ระหว่าง 40,000-50,000 ล้านดอลลาร์
ถึงแม้ว่า มัสก์ จะถูกจัดอันดับเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก แต่บลูมเบิร์กชี้ว่าในการซื้อ TikTok อาจจะทำให้เขาจำเป็นต้องขายทรัพย์สินอื่นๆ ออกไปบ้าง
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายเมื่อปีที่แล้วซึ่งกำหนดให้ไบต์แดนซ์ต้องขายกิจการ TikTok ในอเมริกาหรือไม่ก็ถูกแบน ซึ่งกฎหมายดังกล่าวกำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ (19) ที่จะถึงนี้ หรือแค่ 1 วันก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่
สหรัฐฯ กล่าวหา TikTok ว่าเปิดช่องทางให้ปักกิ่งสามารถรวบรวมและสอดแนมข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ ได้ และยังถูกใช้เป็นเครื่องมือเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งทั้งจีนและไบต์แดนซ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้
TikTok ได้ท้าทายกฎหมายฉบับนี้ โดยยื่นอุทธรณ์จนไปถึงชั้นศาลสูงสุดสหรัฐฯ ซึ่งได้มีการรับฟังข้อโต้แย้งทางวาจาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10)
ระหว่างการไต่สวนดังกล่าว คณะผู้พิพากษาสายอนุรักนิยมและเสรีนิยมส่วนใหญ่จากทั้งหมด 9 คนแสดงท่าทีกังขาข้อโต้แย้งของทนาย TikTok ที่บอกว่า การบังคับขายกิจการถือว่าเข้าข่ายละเมิดการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 หรือ First Amendment ที่รับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของชาวอเมริกัน
บลูมเบิร์กระบุว่า กระบวนการพิจารณาของจีนที่จะขาย TikTok ให้ มัสก์ ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น และเจ้าหน้าที่จีนยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าจะเดินหน้าอย่างไร ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่ชัดเจนว่าไบต์แดนซ์ล่วงรู้แผนการของรัฐบาลจีนมากน้อยแค่ไหน
ล่าสุดทาง TikTok ยังไม่ออกมาตอบคำถามผู้สื่อข่าวเอเอฟพีในประเด็นนี้ แต่สื่อ BBC ของอังกฤษได้อ้างคำพูดผู้แทนบริษัทรายหนึ่งที่บอกว่า “เราไม่ควรถูกคาดหวังให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่กุขึ้นมาล้วนๆ (pure fiction)”
มัสก์ ถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์ และถูกคาดหมายว่าจะมีบทบาทสำคัญในวอชิงตันไปตลอด 4 ปีข้างหน้า
มัสก์ ยังเป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (Tesla) ซึ่งมีโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่อยู่ในจีน และถือว่าจีนเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ที่สุดของเทสลา
ทรัมป์ ออกมาข่มขู่หลายครั้งว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตราสูงลิ่ว ซึ่งคาดว่าจะกระพือสงครามการค้าที่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลเทอมแรกของเขา และถูกสุมไฟเพิ่มเติมโดย ไบเดน ให้ทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
ที่มา : เอเอฟพี, BBC