สภาพอากาศปริศนาที่ปกคลุมสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ผุดทฤษฎีสมคบคิดใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีคำกล่าวอ้างว่าหมอกที่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศนั้น ปนเปื้อนสารเคมีและกำลังทำให้ผู้คนล้มป่วย
หมอกที่บางส่วนตั้งฉายาให้ว่า Fogvid-24 ได้ส่งผลกระทบครอบคลุมพื้นที่อันกว้างขวางของสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และผู้ใช้บนสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก เปิดเผยว่ามันทำให้พวกเขาล้มป่วยด้วยอาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไอ ระคายเคืองดวงตา เจ็บคอและอ่อนเพลีย
หนึ่งในวิดีโอบน TikTok ที่มีผู้ชมหลายหมื่นวิว เดวิด บัมเอร์ อ้างว่ามันมีรสชาติและกลิ่นคล้ายกับพลุไฟ "รสชาติของอากาศ คำเดียวที่ผมนึกได้ก็คือมลพิษ มันแปลกสุดๆ และมันทำให้ผมรู้สึกกังวลเล็กน้อย" เขากล่าว "ผมอายุ 41 ปีแล้ว ผมคิดว่าหมอกคงเป็นอะไรที่ต่างไปจากนี้ ผมมีกลิ่นเหมือนกับสารเคมีที่กำลังผ่านเข้าสู่ลำคอของผม ตอนที่ผมหายใจ"
วิดีโอหนึ่งกำลังกลายเป็นคลิปไวรัลที่มีคนแชร์แล้วหลายหมื่นครั้งบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์อย่างเอ็กซ์ และTikTok ภาพที่คนส่องแสงไฟเข้าไปในหมอกยามค่ำคืน และเห็นอนุภาคขนาดใหญ่ที่ผิดปกติของมัน ได้โหมกระพือความกังวลว่ามันอาจไม่ใช่หมอกธรรมดา และอาจเป็นอาวุธชีวภาพที่เต็มไปด้วยสารเคมี
นอกจากนี้ นักทฤษฎีสมคบคิดบางส่วนยังเชื่อมโยงหมอกดังกล่าวเข้ากับการพบเห็นโดรนปริศนาและวัตถุบินไม่สามารถระบุเอกลักษณ์ทั่วประเทศเมื่อไม่นานที่ผ่านมา แม้ได้รับคำชี้แจงแล้วว่ามันเป็นเพียงอากาศยาน หรือไม่ก็เป็นเหตุการณ์ปกติธรรมดาทั่วไปก็ตาม
ในเหตุผลว่าทำไมหมอกถึงมีกลิ่นของสารเคมี เรื่องนี้อธิบายได้ว่าอาจมีมลพิษติดมากับหมอก แบบเดียวกับเหตุการณ์อันโด่งดัง Great Smog ในสหราชอาณาจักรปี 1952 ถ้ามันเลวร้ายพอ กรณีนี้อาจก่อให้เกิดหรือซ้ำเติมโรคระบบทางเดินหายใจ
Great Smog of London เป็นเหตุการณ์มลพิษทางอากาศที่รุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อเมืองหลวงลอนดอนของอังกฤษในช่วงต้นเดือนธันวาคม 1952 ช่วงที่อากาศหนาวเย็นผิดปกติบวกกับสภาพอากาศที่มีแอนติไซโคลนและไม่มีลม ทำให้สารมลพิษในอากาศที่ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ถ่านหินเกิดชั้นหมอกปนควันบนชั้นบรรยากาศปกคลุมทั้งเมืองลอนดอน เป็นเวลา 5 วัน
ในเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่ามีผู้เสียชีวิตราว 4,000 คน และอีก 100,000 คนล้มป่วย จากผลกระทบของหมอกปนควันที่มีต่อระบบทางเดินหายใจของมนุษย์
(ที่มา : ฟอร์บส์)