xs
xsm
sm
md
lg

‘โซล’ประสานเสียง‘เซเลนสกี้’ทหารเปียงยางตาย-เจ็บอื้อ ขณะกูรูเตือนทัพโสมแดงมีวินัย-ปรับตัวไว-รบเก่งขึ้นรวดเร็ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(ภาพจากแฟ้ม) ภาพจากจอทีวีที่สถานีรภไฟโซล ในเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2024 แสดงให้เห็นภาพทหารซึ่งเชื่อกันว่ามาจากเกาหลีเหนือ กำลังเข้าแถวรับสัมภาระต่างๆ จากทางรัสเซีย
สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ระบุในวันจันทร์ (13 ม.ค.) ทหารโสมแดงราว 300 นายเสียชีวิต และอีก 2,700 นายบาดเจ็บในการทำสงครามกับยูเครน ประสานเสียงเซเลนสกี้ซึ่งยืนยันด้วยว่าจับทหารเกาหลีเหนือได้ 2 คน และพร้อมแลกเปลี่ยนเชลยศึก ด้านพวกผู้เชี่ยวชาญเตือน แม้ทหารโสมแดงเวลานี้ขาดประสบการณ์การรบสมัยใหม่ ทว่ามีระเบียบวินัยสูง และปรับตัวรวดเร็ว ซึ่งพัฒนาการนี้ถือเป็นความท้าทายระดับโลก ไม่ใช่แค่สำหรับยูเครน หรือยุโรปเท่านั้น

ก่อนหน้านี้เกาหลีใต้ ก็เช่นเดียวกับยูเครนและสหรัฐฯ อ้างว่า คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ส่งทหารกว่า 10,000 นายไปช่วยมอสโกรบกับเคียฟตั้งแต่ปลายปี 2024 ในสภาพที่ความจริงแล้วเหมือนให้คอยเป็นเหยื่อรองรับกระสุนของยูเครน เพื่อแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีของรัสเซียสำหรับโครงการอาวุธและดาวเทียมของเกาหลีเหนือที่ถูกตะวันตกแซงก์ชัน อย่างไรก็ตาม ทั้งมอสโกและเปียงยางไม่เคยยอมรับเรื่องนี้

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน ยืนยันข่าวซึ่งเผยแพร่ก่อนหน้านั้นของฝ่ายเคียฟที่ว่า จับกุมทหารเกาหลีเหนือเป็นเชลยศึกได้ 2 นาย พร้อมกับเผยแพร่คลิปการสอบปากคำทหารเหล่านั้น

เซเลนสกี้สำทับว่า พร้อมส่งเชลยศึกกลับไปให้เกาหลีเหนือ ถ้าคิมช่วยดำเนินการให้รัสเซียปล่อยตัวทหารยูเครนที่ถูกจับตัวไปเช่นเดียวกัน

ต่อมาในวันจันทร์ (13) ลี ซองควน สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ แถลงข่าวหลังฟังบรรยายสรุปจากสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (เอ็นไอเอส) ของโสมขาว ว่า ทหารเกาหลีเหนือที่ส่งไปรัสเซีย ซึ่งส่วนหนึ่งเข้าประจำการในแคว้นคูร์สก์ ของรัสเซียนั้น ได้เสียชีวิตไปแล้วราว 300 นาย บาดเจ็บอีก 2,700 นาย

ตัวเลขนี้แตกต่างจากที่ฝ่ายยูเครนเคยแถลง ซึ่งระบุว่า ทหารโสมแดงตายและบาดเจ็บไปแล้วราว 4,000 คน ส่วนสหรัฐฯก็เคยให้ตัวเลขไว้ที่ 1,200 คน

ในการแถลงเมื่อวันจันทร์ของลี เขาสำทับว่า ทหารเกาหลีเหนือเหล่านั้นซึ่งสังกัดกองพลพายุที่เป็นหน่วยรบพิเศษ ได้รับคำสั่งให้ฆ่าตัวตาย อย่ายอมให้ถูกจับเป็นเชลยศึก

ขณะเดียวกัน การวิเคราะห์ของเอ็นไอเอสพบว่า ทหารเกาหลีเหนือขาดความเข้าใจสงครามสมัยใหม่ และถูกรัสเซียใช้ในวิธีทำศึกที่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก

นอกจากนั้นยังมีทหารยูเครนหลายนาย รวมถึงที่มาจากกองกำลังพิเศษของยูเครน ได้แชร์คลิปเหตุการณ์ในสนามรบที่ถ่ายด้วยโดรนบนแอปเทเลแกรม โดยพากันเยาะเย้ยว่า ยุทธวิธีของทหารโสมแดงล้าสมัย

ภาพที่เผยแพร่โดยทางการยูเครน ระบุว่าเป็นเชลยศึกชาวเกาหลีเหนือ 2 คนที่ถูกเคียฟจับตัวได้จากแคว้นคูร์สก์ ของรัสเซีย
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวซึ่งบอกว่า ทหารยูเครนที่เคยมีประสบการณ์ตรง แสดงความเห็นว่า ทหารเกาหลีเหนือมีระเบียบวินัยสูงและเป็นมืออาชีพมากกว่าทหารรัสเซียเสียอีก รายงานของเอพีบอกอีกว่ายังมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ทั้งจากพวกทหาร หน่วยข่าวกรองทางทหารของยูเครน และผู้สังเกตการณ์อื่นๆ ในภาคสนามว่า แม้ขาดประสบการณ์ในสนามรบ แต่ทหารเกาหลีเหนือปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและสามารถเรียนรู้ทักษะการสู้รบในสงครามยูเครน ซึ่งเป็นพัฒนาการที่อาจส่งผลกระทบในวงกว้าง

ด้วยกำลังทหารที่มีสูงถึง 1.2 ล้านนาย กองทัพเกาหลีเหนือถือเป็นหนึ่งในกองทัพประจำการขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทว่าภายหลังสงครามเกาหลีแล้ว ทหารโสมแดงก็ขาดประสบการณ์ในเทคโนโลยีการทำสงครามสมัยใหม่ เช่น การใช้โดรน

แอนดรี ยูซอฟ โฆษกสำนักงานข่าวกรองทางทหารของยูเครน ชี้ว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่กองทัพเกาหลีเหนือได้เรียนรู้ประสบการณ์การทหารที่แท้จริง และถือเป็นความท้าทายระดับโลก ไม่ใช่แค่สำหรับยูเครนและยุโรปเท่านั้น

จากข้อมูลของหน่วยข่าวกรองยูเครน ทหารเกาหลีเหนือร่วบรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารรัสเซีย โดยได้รับการสนับสนุนด้านข่าวกรองและสงครามอิเล็กทรอนิกส์จากมอสโก

ยูซอฟ โฆษกหน่วยข่าวกรองทางทหารของยูเครนสำทับว่า ทหารเกาหลีเหนือสวมเครื่องแบบทหารรัสเซียและติดเลขบัตรประจำตัวทหารปลอมเพื่อให้เข้าใจผิดว่า เป็นทหารรัสเซีย และมอสโก รวมถึงตัวแทนของรัสเซียในสหประชาชาติ ยังสามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงได้

ทว่า ยูซอฟชี้ว่า สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ตัวตนของทหารเหล่านั้นคือ การพูดภาษาเกาหลีด้วยสำเนียงเกาหลีเหนือ ซึ่งข้อมูลนี้ได้มาจากการดักฟังการสื่อสาร

เขายังบอกอีกว่า ทหารเกาหลีเหนือใช้อาวุธและอุปกรณ์ของตัวเอง และเรียนรู้ในการรับมือกับโดรนติดระเบิดแสวงเครื่องที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของสงครามครั้งนี้

รายงานของหน่วยทหารของยูเครนระบุว่า ความผิดพลาดในช่วงแรกๆ ของทหารเกาหลีเหนือส่วนใหญ่เกิดจากความไร้ประสบการณ์ เช่น การเคลื่อนที่พร้อมกันเป็นกลุ่มใหญ่ในพื้นที่เปิดโล่ง จึงทำให้ตกเป็นเป้าถูกโจมตีด้วยโดรนและปืนใหญ่ ซึ่งมีการพัฒนาการยิงได้อย่างแม่นยำขึ้นมากในช่วงหลายๆ ปีมานี้

อย่างไรก็ตาม หากเป็นระหว่างการปฏิบัติภารกิจกลางคืน ทหารเกาหลีเหนือก็สามารถเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เคร่งครัด และนำทางโดยใช้ไฟฉายสีแดง

กลิบ โวโลสสกี นักวิเคราะห์ทางทหารของกลุ่มคลังสมองซีบีเอ อินิชิเอทีฟส์ ของยูเครน ชี้ว่า หลักนิยมทางทหารและการฝึกของเกาหลีเหนือ มักอิงกับกลยุทธ์และประสบการณ์จากเมื่อครึ่งศตวรรษก่อน กระนั้นเมื่อถึงวันหนึ่งที่เกาหลีเหนือมีทักษะที่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการสู้รบ แล้วมาประกอบกับความมีวินัยและการฝึกแล้ว จะทำให้ทหารเหล่านั้นเป็นกำลังสำคัญของกองทัพเกาหลีเหนือ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดโรธี คามิล เชีย รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ก็เตือนถึงอันตรายจากการที่ทหารเกาหลีเหนือที่ถูกส่งไปรบในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย สามารถยกระดับความสามารถในการสู้รบได้อย่างรวดเร็ว และสำทับว่า เปียงยางได้ประโยชน์อย่างมากจากการได้รับอาวุธ เทคโนโลยี และประสบการณ์ทางทหาร ซึ่งจะทำให้เกาหลีเหนือมีศักยภาพมากขึ้นในการทำสงครามกับพวกประเทศเพื่อนบ้าน

(ที่มา: เอพี, เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น