จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เมื่อวันพุธ (8 ม.ค.) เชื่อว่าการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการผนวกแคนาดา เป็นเพียงแค่กลยุทธ์หนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากผลกระทบเกี่ยวกับข้อเสนอรีดภาษีของเขาเอง
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยบอกว่าจะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าทุกประเภทจากแคนาดา จนกว่าออตตาวา จะยกระดับคุ้มกันตามแนวชายแดน และล่าสุดเมื่อวันอังคาร (7 ม.ค.) ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยเพิ่มเติมว่าเขากำลังพิจารณาบีบบังคับทางเศรษฐกิจ กดดันให้แคนาดายอมเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา
"สิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเรื่องนี้ก็คือ ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเป็นนักเจรจาที่มีความช่ำชอง กำลังนำพาผู้คนหันเหความสนใจไปจากบางอย่าง ผ่านประเด็นสนทนาในเรื่องดังกล่าว" ทรูโด ให้ความเห็นกับซีเอ็นเอ็น เมื่อถูกถามเกี่ยวกับคำพูดของทรัมป์
"น้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า เหล็ก อะลูมิเนียม ไม้แปรูป คอนกรีต และทุกๆ อย่างที่ผู้บริโภคสหรัฐฯ ซื้อจากแคนาดา จะแพงขึ้นอย่างมากแบบฉันพลัน หากว่าเขาเดินหน้ามาตรการรีดภาษีเหล่านี้" เขากล่าว
ในช่วงต้นสัปดาห์ ทรูโด ประกาศกร้าวว่า "ไม่มีทางที่แคนาดาจะเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ" และระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น เขาเน้นย้ำว่า ออตตาวาจะกำหนดมาตรการตอบโต้ หาก ทรัมป์ ทำตามคำขู่
ทรูโด ย้อนถึงประเด็นพิพาททางการค้าทวิภาคีเมื่อปี 2018 โดยครั้งนั้น แคนาดา กำหนดมาตรการรีดภาษี เหล็ก อะลูมิเนียม และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ เช่น น้ำส้ม ซอสมะเขือเทศ วิสกีเบอร์เบิน และจักรยานยนต์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน "สิ่งต่างๆ ที่กระทบต่อแรงงานอเมริกา" ในมาตรการภาษีตอบโต้ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันกับสหรัฐฯ ที่นำโดย ทรัมป์ ณ ขณะนั้น
นายกรัฐมนตรีแคนาดาบอกว่า "แต่เราไม่ต้องการทำเช่นนั้น เพราะว่ามันจะทำให้ราคาสินค้าพุ่งขึ้นสำหรับชาวแคนาดา และก่อความเสียหายแก่คู่หูทางการค้าที่ใกล้ชิดที่สุดของเรา"
การประกาศมาตรการทางภาษีในครั้งนั้นของแคนาดามีขึ้นเพื่อตอบโต้การจุดชนวนสงครามการค้าของรัฐบาลทรัมป์ ที่ประกาศตั้งกำแพงภาษีสินค้าเหล็ก 25% และอะลูมิเนียม 10% ที่นำเข้าจากประเทศที่รัฐบาลทรัมป์ระบุว่าทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ
(ที่มา : รอยเตอร์)