xs
xsm
sm
md
lg

เจ็บจี๊ด! ปธน.เบลารุสตอกกลับเซเลนสกี เย้ยเป็นเผด็จการดีกว่าประชาธิปไตยย่อยยับแบบยูเครน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานธิบดีเบลารุส กล่าวอ้างว่า "เผด็จการ" ของเขาดีกว่า "ประชาธิปไตย" ในเพื่อนบ้านอย่างยูเครน ชาติที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ ความเห็นมีขึ้นในขณะที่ผู้นำรายนี้ซึ่งปกครองเบลารุสมาช้านาน กำลังหาเสียงเลือกตั้ง ลุ้นกลับมาดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 7 ปลายเดือนนี้

ระหว่างกล่าว ณ พิธีคริสต์มาสของนิกายออร์โธดอกซ์ เมื่อวันอังคาร (7 ม.ค.) ลูคาเชนโก แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับถ้อยแถลงเมื่อเร็วๆ นี้ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ที่ออกมาพูดชี้ช่องว่าในท้ายที่สุดแล้ว เบลารุส จะได้รับการปลดปล่อย

"ปล่อยให้พวกเขาพูดไปเถอะ ว่าเรามีเผด็จการที่นี่ ลองดูสิ การมีเผด็จการแบบเดียวกับในเบลารุส ดีกว่าการมีประชาธิปไตยในยูเครนเป็นไหนๆ เราต้องหนักแน่น เราต้องไม่สั่นคลอนต่อกรณีใดๆ" สำนักข่าวเบลทา สื่อมวลชนแห่งรัฐ รายงานโดยอ้างคำกล่าวของ ลูคาเชนโก

ผู้นำเบลารุส อ้างด้วยว่าพวกผู้ประสงค์ร้ายในต่างแดนต้องการทำลายสันติภาพในประเทศ และชี้ว่าเคียฟกำลังทำตามคำสั่งของตะวันตก

ก่อนหน้านี้ ในคำปราศรัยในวาระขึ้นปีใหม่ เซเลนสกี กล่าวอ้างว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องสนับสนุนประชาชนที่กำลังสู้รบเพื่อสันติภาพ คำพูดที่พาดพิงถึงประชาชนชาวเบลารุสโดยเฉพาะ

"ถ้าเซเลนสกี พูดเป็นนัยว่าอีกไม่นาน เบลารุส อยากเป็นเหมือนยูเครน นี่คือสิ่งที่ผมคิดตอนที่ได้ยินเขาพูด ผมอุทานว่า พระเจ้า ขออย่าให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเลย" ลูคาเชนโก ระบุ

ลูคาเชนโก ซึ่งปกครองเบลารุสมาตั้งแต่ปี 1994 ลงสมัครรับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัย ในศึกเลือกตั้งที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 26 มกราคม ในขณะที่ศึกเลือกตั้งหนหลังสุดเมื่อปี 2020 โหมกระพือการประท้วงหลายระลอก ในสิ่งที่พวกฝ่ายค้านอ้างว่ามีการโกงอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม เบลารุสปฏิเสธคำกล่าวหานี้ และยืนยันว่าสถานการณ์ความไม่สงบเป็นการบงการของสหรัฐฯ และบริวารยุโรปของอเมริกา เช่นเดียวกับยูเครน

ลูคาเชนโก ถูกตราหน้าอย่างกว้างขวางจากสื่อมวลชนและองค์กรต่างๆ ของตะวันตก ว่าเป็น "เผด็จการ" สืบเนื่องจากการยึดครองอำนาจและคำกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชน ในเดือนพฤศจิกายน เขายอมรับว่าเป็นเรื่องจริงที่มีเผด็จการภายในประเทศของเขา แต่เป็นเผด็จการแห่ง "เสถียรภาพ ความมั่นคง ความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีเมตตาและใจดี"

ในยูเครน เคยมีการปฏิวัติที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกมาแล้ว 2 รอบ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นคือเหตุการณ์คลื่นการเดินขบวน "ยูโรไมดาน" ซึ่งเกิดขึ้นตามหลัง วิคเตอร์ ยานูโควิช ประธานธิบดี ณ ขณะนั้นขอเลื่อนการพูดคุยหารือข้อตกลงฉบับหนึ่งเกี่ยวกับการคบค้าสมาคมกับสหภาพยุโรป ความเคลื่อนไหวที่ท้ายที่สุดแล้วนำมาซึ่งการที่ ยานูโควิช ถูกโค่นอำนาจ และจัดตั้งรัฐบาลที่ฝักใฝ่สหรัฐฯ และอียูขึ้นมาแทน

เหตุการณ์เหล่านั้นกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นำมาซึ่งความขัดแย้งที่ลุกลามบานปลายกับรัสเซีย ในปี 2022 จากคำกล่าวอ้างของ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว

รัสเซียกับเบลารุส ลงนามในข้อตกลงด้านความมั่นคงฉบับใหม่เมื่อเดือนก่อน ซึ่งนอกเหนือจากสิ่งอื่นๆ แล้ว เนื้อหาในนั้นยังได้เปิดทางให้รัสเซียประจำการขีปนาวุธล้ำสมัย "โอเรสนิก" ในประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)


กำลังโหลดความคิดเห็น