รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้แจ้งไปยังสภาคองเกรสเกี่ยวกับโครงการจำหน่ายอาวุธให้อิสราเอล รวมมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (3 ม.ค.) ซึ่งสะท้อนจุดยืนของวอชิงตันที่ยังคงสนับสนุนรัฐยิวอย่างเข้มแข็ง แม้สงครามกาซาจะคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 45,000 คนก็ตาม
ข้อตกลงจำหน่ายอาวุธนี้จะครอบคลุมเครื่องกระสุนสำหรับเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์โจมตี เรื่อยไปจนถึงกระสุนปืนใหญ่ และยังมีระเบิดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็ก (small-diameter bombs) และหัวรบชนิดต่างๆ ด้วย ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าว Axios
ข้อตกลงจำหน่ายอาวุธนี้จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาให้ความเห็นในประเด็นนี้
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้ประท้วงต่อต้านสงครามกาซาได้ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดส่งมอบอาวุธให้แก่อิสราเอล ทว่านโยบายของอเมริกาส่วนใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเมื่อเดือน ส.ค. สหรัฐฯ ก็ได้อนุมัติส่งออกเครื่องบินขับไล่และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ ให้แก่รัฐยิวอีกเป็นมูลค่าถึง 20,000 ล้านดอลลาร์
รัฐบาล ไบเดน ยืนยันว่า สิ่งที่สหรัฐฯ ทำเป็นการช่วยอิสราเอลให้สามารถป้องกันตนเองจากกลุ่มติดอาวุธสมุนอิหร่านอย่างฮามาสในกาซา ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน รวมถึงกบฏฮูตีในเยเมน
แม้จะเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ แต่สหรัฐฯ ยังเลือกที่จะยืนข้างอิสราเอลในสงครามกาซา ซึ่งทำให้พลเรือนปาเลสไตน์เกือบทั้งหมด 2.3 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน ก่อวิกฤตความอดอยาก และนำไปสู่ข้อครหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (genocide) ซึ่งอิสราเอลปฏิเสธเสียงแข็ง
กระทรวงสาธารณสุขกาซาอัปเดตตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดมากกว่า 45,000 คน และคาดว่ายังมีศพอีกจำนวนมากที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล
ที่มา : รอยเตอร์