ธนาคารกลางของไทยและหน่วยงานต่อต้านการฟอกเงินของประเทศ ระบุในวันจันทร์ (30 ธ.ค.) ไม่พบหลักฐานใดๆ สนับสนุนรายงานจากผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติรายหนึ่ง ที่ชี้ว่ามีธนาคารหลายแห่งของประเทศถูกใช้ช่วยเหลือคณะรัฐประหารของพม่าจัดซื้ออาวุธ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
รายงานจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (OHCHR) เมื่อเดือนมิถุนายน กล่าวหาว่าบริษัทต่างๆ ที่จดทะเบียนในไทยใช้ธนาคารหลายแห่งในไทยโอนเงินทุนสำหรับซื้ออาวุธและอุปกรณ์ทางทหารที่เกี่ยวข้องป้อนแก่พม่า คิดเป็นมูลค่ากว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,100 ล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2023 เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากระดับ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐหนึ่งปีก่อนหน้านั้น
รอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจในเดือนกรกฎาคม เพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรมต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมา และการสอบทานศักยภาพในการธุรกิจ หลังบรรดาธนาคารของไทยอ้างว่าพวกเขาไม่มีขีดความสามารถในการสืบสวนการทำธุรกรรมทั้งหมดที่อาจถูกกองทัพพม่าใช้สำหรับจัดซื้ออาวุธ
ในรายงานของรอยเตอร์อ้างคำแถลงร่วมของธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ระบุว่า "การสืบสวนพบว่าสถาบันการเงินบางแห่งทำธุรกรรมกับบุคคลที่มีรายชื่อในรายงานของ OHCHR แต่ไม่พบหลักฐานความเชื่อมโยงการทำธุรกรรมเหล่านั้นกับการจัดซื้ออาวุธ"
ถ้อยแถลงร่วมระบุต่อว่า "การตรวจสอบพบว่าบรรดาสถาบันการเงินของไทยมีระดับความเข้มงวดต่างกันออกไปในปฏิบัติการของพวกเขา" ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับการปรับปรุงแนวทางปฏิบัติต่อต้านการฟอกเงินและต่อต้านการก่อการร้าย
"การปรับปรุงและยกระดับนี้จะช่วยให้สถาบันการเงินต่างๆ บริหารจัดการได้ดีขึ้นกับความเสี่ยงที่อาจถูกใช้เป็นช่องทางสำหรับป้อนเงินทุนแก่กิจกรรมผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ" ถ้อยแถลงร่วมระบุ ตามรายงานของรอยเตอร์
(ที่มา : รอยเตอร์)