จำนวนคนเร่ร่อนสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา ตามรายงานของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น อ้างอิงข้อมูลรัฐบาลที่เผยแพร่ในวันศุกร์ (27 ธ.ค.)
กระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมืองของสหรัฐฯ รายงานว่ามีมากกว่า 770,000 คน ที่ไร้ที่อยู่อาศัยในปี 2024 เพิ่มขึ้น 18% จากปี 2023 มันเป็นการเพิ่มขึ้นแบบรายปีที่มากที่สุดนับตั้งแต่กระทรวงแห่งนี้รวบรวมข้อมูลในปี 2007 (ไม่รวมตัวเลขของปี 2022 ที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างมากจากปี 2021 เหตุเพราะกระทรวงไม่ได้ทำการนับอย่างครบถ้วน สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19)
ตัวเลขคนเร่ร่อนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก มีแรงขับเคลื่อนจากราคาที่อยู่อาศัยที่แพงเกินเอื้อม จำนวนผู้ลี้ภัยที่เสาะหาสถานที่พักพิงเพิ่มมากขึ้น และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่เป็นสาเหตุให้ประชาชนบางส่วนต้องพลัดถิ่นออกจากบ้านเรือนของตนเอง รายงานระบุ
ทางกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมืองของสหรัฐฯ ระบุว่า แม้มันเป็นข้อมูลจากช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ได้สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบันของคนไร้บ้าน เนื่องจากรัฐบาลได้พยายามควบคุมการข้ามชายแดนแล้ว แต่รายงานฉบับนี้ยังคงเปิดโปงให้เห็นถึงผลลัพธ์อันน่าเศร้าที่เกิดขึ้นกับชาวอเมริกา จากราคาที่อยู่อาศัยที่แพงเกินเอื้อม
หลังการก่อสร้างที่ล่าช้านานหลายทศวรรษ อุปสงค์บ้านพักแซงหน้าอุปทานหลายเท่าตัว ผลักให้ราคาบ้านพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมสำหรับซื้อบ้านสักหลังก็ยังคงอยู่ในระดับสูงในปีนี้ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยไปแล้ว 3 รอบในปีนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วค่าเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่โดยเฉลี่ย 30 ปี อยู่ที่ 6.85% ลดลงจากระดับสูงสุด 7.22% ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางปี
พบเห็นค่าเช่าบ้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เคยลดลงช่วงสั้นๆ ระหว่างการระบาดของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เช่นเดียวกับปี 2023 พวกผู้เช่าบ้านเกือบครึ่งหนึ่งใช้รายได้ที่ได้มามากกว่า 30% หมดไปกับค่าที่อยู่อาศัย ซึ่งจัดว่าเป็นภาระด้านต้นทุน
"ไม่มีชาวอเมริกันคนไหนที่ควรเผชิญกับภาวะไร้บ้าน และรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส มุ่งมั่นรับประกันว่าทุกครอบครัวจะเข้าถึงบ้านที่ไม่แพงเกินเอื้อม ปลอดภัยและมีคุณภาพ แบบที่พวกเขาคู่ควร" อาเดรียน ทอดแมน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมืองของสหรัฐฯ ระบุ "แม้ข้อมูลนี้เป็นตัวเลขเกือบ 1 ปีแล้ว และไม่สะท้อนสถานการณ์ที่เรากำลังพบเห็นในปัจจุบัน แต่มันสำคัญยิ่งที่เราต้องมุ่งเน้นความพยายามบนพื้นฐาน เพื่อปกป้องและยุติปัญหาคนไร้บ้าน"
รายงานของกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมืองของสหรัฐฯ ระบุว่ามีเมืองต่างๆ เพิ่มมากขึ้นที่พบเห็นจำนวนคนเร่ร่อนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ในดัลลัสและลอสแองเจลิสมีจำนวนคนไร้ที่อยู่อาศัยลดลง
เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปีเป็นกลุ่มอายุที่เผชิญกับการเพิ่มขึ้นของคนไร้บ้านมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 โดยมีเด็ก 150,000 คนที่ประสบกับวิกฤตดังกล่าว ขณะที่คนผิวดำ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 12 ของประชากรสหรัฐฯ ทั้งหมด และร้อยละ 21 ของประชากรสหรัฐฯ ที่อาศัยอยู่ในความยากจน คิดเป็นร้อยละ 32 ของประชากรทั้งหมดที่ประสบปัญหาไร้บ้าน
“วิกฤตที่อยู่อาศัยราคาประหยัดระดับประเทศที่เลวร้ายลง อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ค่าจ้างที่หยุดนิ่งในกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลางและน้อย และผลกระทบที่ยังคงมีอยู่ของการเหยียดเชื้อชาติในระบบ ส่งผลให้ระบบบริการสำหรับคนไร้บ้านต้องทำงานหนักจนถึงขีดสุด นอกจากนี้ ยังสังเกตเห็นวิกฤตด้านสาธารณสุขเพิ่มเติม ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทำให้ผู้คนต้องอพยพออกจากบ้าน จำนวนชาวต่างชาติที่อพยพเข้ามายังสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น และการยุติโปรแกรมป้องกันภาวะไร้บ้านที่ดำเนินการระหว่างการระบาดของไวรัสโควิด-19" กระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมืองของสหรัฐฯ ระบุ
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น/รอยเตอร์)


