การที่พักหลังทรัมป์กลับลำหันมาเชียร์ติ๊กต็อกอยู่บ่อยๆ ทำให้หลายคนคาดเดาว่า ว่าที่ประมุขใหม่ทำเนียบขาวผู้นี้อาจมีแผนสำรองเพื่อช่วยไม่ให้ติ๊กต็อกถูกแบนในอเมริกา แม้เส้นทางที่ว่ายังขาดความชัดเจน นอกจากนั้น ทรัมป์ยังขึ้นชื่อเรื่องพฤติกรรมที่ยากคาดเดา
เมื่อวันอาทิตย์ (22 ธ.ค.) หลังพบ โจว โซ่วจือ ซีอีโอติ๊กต็อกที่ฟลอริดาไม่กี่วัน ทรัมป์บอกกับเหล่ากองเชียร์ว่า เห็นทีจะต้องเก็บติ๊กต็อกไว้อีกระยะ
ทรัมป์ที่ให้เครดิตแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางนี้ว่า ช่วยให้ตนเองเข้าถึงฐานผู้ใช้ที่เป็นคนหนุ่มสาวจำนวนมากนั้น คัดค้านการแบนติ๊กต็อกเนื่องจากส่วนหนึ่งเชื่อว่า การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อเมตาของมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก
คาร์ล โทไบอัส ศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยริชมอนด์ มองว่า สถานการณ์นี้ซับซ้อนเนื่องจากมีความเป็นไปได้หลายอย่าง บวกกับนิสัยส่วนตัวของทรัมป์ที่คาดเดาไม่ได้
ทั้งนี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐสภาสหรัฐฯ เทคะแนนท่วมท้นผ่านกฎหมายที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามรับรองบังคับใช้แล้ว กำหนดให้แบนติ๊กต็อกในแอปสโตร์และบริการเว็บโฮสติ้งของอเมริกา เว้นแต่ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ที่มีฐานอยู่ในปักกิ่งจะขายหุ้นติ๊กต็อกภายในวันที่ 19 ม.ค.2025
เจ้าหน้าที่และสมาชิกสภาของอเมริกากังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจีนอาจมีอิทธิพลเหนือไบต์แดนซ์ หรือเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ติ๊กต็อกในอเมริกา
อย่างไรก็ดี แม้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งขาดลอยและพรรครีพับลิกันของเขากำลังจะเข้าคุมทั้งสภาล่างและสภาสูง ทว่า การยินยอมตามความปรารถนาของว่าที่ประธานาธิบดีใหม่ผู้นี้และการขัดขวางการแบนติ๊กต็อกยังต้องเผชิญอุปสรรคสำคัญหลายประการ
แรกสุดคือ กฎหมายฉบับนี้ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคชนิดที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก หมายความว่า การจะยกเลิกทันทีด้วยการโหวตในสภาไม่มีแนวโน้มเป็นไปได้ในทางการเมืองแม้ทรัมป์มีอิทธิพลล้นเหลือในรีพับลิกันก็ตาม
หรือศาลสูงสุดจะเป็นทางออกที่ราบรื่นที่สุด เนื่องจากเมื่อเร็วๆ นี้ ติ๊กต็อกยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดโดยอ้างว่า กฎหมายแบนบริษัทขัดกับสิทธิในการแสดงความคิดเห็นภายใต้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1
ศาลสูงสุดที่เสียงส่วนใหญ่เป็นผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยมที่ทรัมป์แต่งตั้ง จะพิจารณาคำร้องของติ๊กต็อกวันที่ 10 ม.ค. หรือ 9 วันก่อนที่คำสั่งแบนจะบังคับใช้
กระบวนการนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลอุทธรณ์มีมติเอกฉันท์ยืนตามกฎหมายแบนติ๊กต็อกในเดือนนี้
โทไบอัสเสริมว่า อีกหนึ่งความเป็นไปได้คือ กระทรวงยุติธรรมภายใต้คณะบริหารทรัมป์ตัดสินว่า ไบต์แดนซ์แก้ไขข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติที่ระบุภายใต้กฎหมายดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางเลือกนี้อาจถูกรัฐสภาหรือฝ่ายอื่นๆ วิจารณ์ว่า เป็นการโอนอ่อนผ่อนตามจีน
ทางเลือกสุดท้ายคือ ไบต์แดนซ์ยอมขายติ๊กต็อกให้ผู้ซื้อที่ไม่ใช่คนหรือบริษัทจีน แม้เป็นทางเลือกที่ไบต์แดนซ์ยืนกรานปฏิเสธมาตลอดก็ตาม
ขณะเดียวกัน ด้วยผู้ใช้เดือนละ 170 ล้านราย การซื้อธุรกิจของติ๊กต็อกในอเมริกาอาจต้องใช้เงินทุนก้อนใหญ่ และทรัมป์ในตำแหน่งประธานาธิบดีอาจขยายเส้นตายการแบนออกไปอีก 90 วันเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับธุรกรรมนี้
จนถึงขณะนี้มีว่าที่ผู้ซื้อปรากฏตัวเพียงหยิบมือ เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่มีแนวโน้มถูกขัดขวางจากข้อกังวลเกี่ยวกับการผูกขาดตลาด
สตีฟ มนูชิน อดีตรัฐมนตรีคลังสมัยทรัมป์ 1.0 ที่บริหารกองทุนที่ลงทุนในหลักทรัพย์นอกตลาดซึ่งได้รับการสนับสนุนจากซอฟต์แบงก์ กรุ๊ปของญี่ปุ่น และมูบาดาลา กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของอาบูดาบี เป็นหนึ่งในผู้ที่แสดงความสนใจซื้อติ๊กต็อก
นอกจากนั้น ระหว่างพบกับทรัมป์เมื่อเร็วๆ นี้ มาซาโยชิ ซง ซีอีโอซอฟต์แบงก์ ยังประกาศลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาแต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจง
ผู้ท้าชิงรายอื่นๆ ยังรวมถึงแฟรงก์ แม็กคอร์ต มหาเศรษฐีวงการอสังหาริมทรัพย์ของอเมริกาที่ต้องการทำให้โซเชียลมีเดียปลอดภัยมากขึ้นผ่านองค์กรโปรเจกต์ ลิเบอร์ตี้
อีลอน มัสก์ ที่ใกล้ชิดกับทรัมป์และเป็นเจ้าของเอ็กซ์ อาจมีบทบาทเรื่องนี้ โดยก่อนหน้านี้เขาเผยว่า มีแผนเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มเอ็กซ์ที่เน้นข้อความเป็นสิ่งที่คล้ายติ๊กต็อกมากขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ จอห์น มูเลนาร์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญดูแลการต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์จีนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์ นิวส์ ดิจิทัลว่า ทรัมป์อาจผลักดัน “ดีลแห่งศตวรรษ” ที่ตอบสนองทั้งข้อกังวลของอเมริกาและผลประโยชน์ของไบต์แดนซ์ ซึ่งหากยอมรับ ไบต์แดนซ์ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของอเมริกา และสถานการณ์จะคืบหน้าอย่างรวดเร็ว
กระนั้น ข้อตกลงใดๆ ก็ตามต้องได้รับอนุมัติจากปักกิ่งก่อน ท่ามกลางแนวโน้มที่ความสัมพันธ์จีน-อเมริกาจะยังตึงเครียดหนักภายใต้คณะบริหารของทรัมป์
นอกจากนั้น นี่ยังไม่ใช่ครั้งแรกที่อเมริกาพยายามล้มล้างสถานะของติ๊กต็อกในอเมริกา ปี 2020 ทรัมป์ขู่แบนแพลตฟอร์มนี้ ยกเว้นไบต์แดนซ์ยอมขายกิจการในอเมริกา
ตอนนั้นแม้ออราเคิลและวอลมาร์ทบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับไบต์แดนซ์ในการถือหุ้นในสัดส่วนเจ้าของกิจการ แต่ความท้าทายทางกฎหมายหลายอย่างและการเปลี่ยนผ่านอำนาจไปยังคณะบริหารของไบเดนทำให้ดีลนี้ไม่สำเร็จ
(ที่มา : เอเอฟพี)