xs
xsm
sm
md
lg

สื่อกัมพูชามั่วนิ่ม! กล่าวหาพวกชาตินิยมไทย คือหนึ่งภัยท้าทายที่เขมรต้องเผชิญปี 2025

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สื่อมวลชนกัมพูชาเผยแพร่บทความชิ้นหนึ่ง ในความพยายามคาดการณ์สิ่งแวดล้อมทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและระหว่างประเทศ ที่กัมพูชาอาจต้องเผชิญในปี 2025 ในนั้นรวมถึงความกังวลด้านความมั่นคง อันมีต้นตอจากบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทยกับเวียดนาม

บทความของหนังสือพิมพ์เขมรไทม์ส ระบุว่าสถานการณ์ทางการเมืองในบรรดาประเทศเพื่อนบ้านสามารถก่อความกังวลด้านความมั่นคงสำหรับกัมพูชา โดยหยิบกรณีของไทย ที่สามารถพบเห็นได้จากความเคลื่อนไหวของพวกชาตินิยม ในประเด็นข้อพิพาทชายแดนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

เขมรไทม์สระบุว่า ตัวละครทางการเมืองภายในประเทศของไทย ซึ่งเคยยั่วยุความรุนแรงระหว่างกัมพูชาและไทยในอดีต เมื่อเร็วๆ นี้ได้ยกระดับความเคลื่อนไหวเข้มข้นขึ้น พร้อมบอกว่าชาวกัมพูชาสามารถสังเกตได้เลยว่า ทุกครั้งที่มีความขัดแย้งภายในครั้งใหญ่ในการเมืองไทย เมื่อนั้นรูปแบบความซับซ้อนในทางการเมืองจะลุกลามเข้ามายังกัมพูชา

สำนักข่าวแห่งนี้บอกว่าบ่อยครั้งที่พวกนักการเมืองไทยใช้ข้อพิพาทตามแนวชายแดนและความขัดแย้งอื่นๆ กับบรรดาชาติเพื่อนบ้าน เป็นประเด็นงัดข้อในการต่อสู้ทางการเมืองภายในของพวกเขา และท้ายที่สุดแล้ว บ่อยครั้งรูปแบบนี้มักใช้กัมพูชาเป็นแพะรับบาปในการต่อสู้ทางอำนาจ ที่นำมาซึ่งการโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านกัมพูชา

ส่วนในกรณีของเวียดนามนั้น บทความของเขมรไทม์สชี้ว่า สามารถพบเห็นได้จากความรู้สึกต่อต้านกัมพูชาที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ที่สัมพันธ์กับความรู้สึกต่อต้านจีน

บทความนี้ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมืองในเวียดนามก็ยังอยู่ในภาวะไม่มีเสถียรภาพเช่นกัน สืบเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำหลายครั้งและการปฏิรูปอย่างครอบคลุม ความไว้วางใจในกัมพูชาเริ่มถูกกัดกร่อนลง สืบเนื่องจากผู้นำรุ่นใหม่ของเวียดนามมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกัมพูชาน้อยลง และต้องการอย่างแข็งกร้าวในการมองความสัมพันธ์กับกัมพูชาผ่านความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเวียดนาม แม้ที่ผ่านมาผู้นำเวียดนามหลายคนมองกัมพูชาในฐานะ "น้องเล็ก"

เขมรไทม์สระบุว่า เวียดนามถูกมองในฐานะพยายามทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางโครงการพัฒนาใดก็ตามที่เชื่อมโยงกับจีน ไล่ตั้งแต่คลองฟูนันเตโช ไปจนถึงการปรับปรุงฐานทัพเรือเรียมให้มีความทันสมัย และกระทั่งโครงการก่อสร้างทางด่วนพนมเปญ-บาเว็ต

ภาวะการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ดังกล่าว โดยพวกนักการเมืองไทยและเวียดนามจะยังคงส่อเป็นภัยท้าทายต่อการเมืองภายในและการพัฒนาประเทศของกัมพูชา บทความของขมรไทม์สระบุ

สื่อมวชนกัมพูชาแห่งนี้เขียนต่อว่าในประเทศอื่นๆ ไม่ว่าชาติใดก็ตาม จะมีพวกนักการเมืองและนักวิชาการทั้งสายแข็งกร้าวและหัวสายกลาง บางส่วนพยายามบั่นทอนความสัมพันธ์ ขณะที่บางส่วนพยายามหาปัจจัยรักษาเสถียรภาพ เพื่อรับประกันความยั่งยืนของมิตรภาพอันเก่าแก่ แต่ขณะเดียวกันก็มีพวกบุคคลกระหายสงครามบางส่วน แสวงหาประโยชน์ทางการเมืองจากประเด็นอ่อนไหว อย่างเช่นเขตแดนพิพาทและชาตินิยมสุดขั้ว

สำนักข่าวแห่งนี้บอกว่าในไทยและกัมพูชา มีความกังวลว่าพวกผู้นำของพวกเขามีความตั้งใจทางการเมืองและมุ่งมั่นมากแค่ไหน ในการต่อสู้กับความเคลื่อนไหวและแนวคิดสุดขั้วเช่นนี้ ผิดกับกัมพูชาที่กำลังต่อสู้อย่างหนักกับพวกหัวรุนแรงเหล่านี้ บางส่วนในนั้นเสวยสุขอยู่ในต่างแดน โพสต์ข้อความและเผยแพร่แผนที่และข่าวปลอม เกี่ยวกับประเด็นพิพาทชายแดน โดยไม่ต้องรับโทษใดๆ

"เคราะห์ร้ายที่พวกหัวแข็งทางการเมืองเหล่านี้ ซึ่งต้องการให้ทั้ง 2 ประเทศสู้รบกันเกี่ยวกับประเด็นชายแดนที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย ได้รับเงินทุน ได้รับการสนับสนุนด้านสื่อสารมวลชนและทางการเมือง จากองค์กรต่างชาติ องค์กรเหล่านี้สนับสนุนเงินทุนและสนับสนุนการแพร่ข่าวปลอมและบั่นทำลายการเมืองภายในของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค" บทความของเขมรไทม์สกล่าว

เขมรไทม์สระบุว่า พวกนักการเมืองหัวรุนแรงเหล่านี้ ถึงขั้นมีองค์กรสิทธิมนุษยชนอยู่เบื้องหลัง องค์กรสิทธิมนุษชนทั้งหลายไม่เคยประณามพวกนักการเมืองหัวรุนแรงและข่าวปลอมที่พวกเขากุขึ้นมาแบบรายวัน ที่หล่อหลอมความเกลียดชัง ความเข้าใจผิด เหยียดผิวและยั่วยุความรุนแรง

บทความนี้ปิดท้ายว่า กัมพูชาทำได้เพียงแค่ตามหาและเสริมสร้างความไว้วางใจกับพวกนักการเมืองต่างชาติหัวสายกลางในประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย และวางขอบเขตการป้องกันสำหรับความเป็นไปได้ของความขัดแย้งรุนแรงใดๆ ระหว่าง 2 ประเทศ ที่รังแต่จะทำร้ายผลประโยชน์ของประชาชนในภูมิภาค

(ที่มา : khmertimes)


กำลังโหลดความคิดเห็น