ราคาน้ำมันและทองคำขยับลงในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ก่อนหน้าวันหยุดคริสต์มาส จากการแข็งค่าของดอลลาร์ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวก ได้แรงหนุนจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 22 เซนต์ ปิดที่ 69.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 31 เซนต์ ปิดที่ 72.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานในยุโรปคลี่คลายลงจากข่าวท่อลำเลียงดรูซบา ซึ่งส่งน้ำมันจากรัสเซียและคาซัคสถาน ไปยังฮังการี สโลวะเกีย สาธารณรัฐเช็ก และเยอรมนี กลับมาปฏิบัติการได้แล้ว หลังหยุดไปเมื่อวันพฤหัสบดี (19 ธ.ค.) สืบเนื่องจากปัญหาทางเทคนิค ณ สถานีสูบน้ำมันแห่งหนึ่งของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แกว่งตัวอยู่ในระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 2 ปี ในตอนเช้าวันจันทร์ (23 ธ.ค.) หลังแตะระดับดังกล่าวมาตั้งแต่วันศุกร์ (20 ธ.ค.) การแข็งค่าของดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
ด้านราคาทองคำก็ปรับลดเช่นกันในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) จากการแข็งค่าของดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ดีดตัวขึ้น โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 16.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,628.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) เอสแอนด์พี500 และแนสแดคขยับขึ้น ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่เรียกว่า "Magnificent Seven" ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนหน้าวันหยุดคริสต์มาส
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 66.69 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 42,906.95 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 43.22 จุด (0.73 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,974.07 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 192.29 จุด (0.98 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 19,764.89 จุด
ด้วยที่หุ้นกลุ่ม Magnificent Seven มีอิทธิพลล้นเหลือเหนือนักลงทุน ผลงานของบริษัทเหล่านี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดมากกว่าเดิม ในสัปดาห์ที่พวกนักลงทุนจำนวนมากหยุดพัก
หุ้นของเมตา แพลตฟอร์มส์ เอ็นวิเดีย และเทสลา ต่างปิดบวกทั้งหมด ส่วนอัลฟาเบ็ต บริษัทแม่ของกูเกิล ก็แกว่งตัวในแดนบวกเช่นกัน ความเคลื่อนไหวนี้ช่วยดันให้แนสแดค ขยับขึ้น 3 วันติด ส่วนเอสแอนด์พี 500 ปิดบวก 2 ใน 3 วันหลังสุด
(ที่มา : รอยเตอร์)