รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีความกังวลว่าอิหร่านที่อ่อนแอลง อาจเลือกสร้างอาวุธนิวเคลียร์ จากความเห็นของเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาทำเนียบขาวในวันอาทิตย์ (29 ธ.ค.) พร้อมระบุเขาจะบรรยายสรุปแก่คณะทำงานของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อความเสี่ยงดังกล่าว
อิหร่านประสบความเสื่อมถอยทางอิทธิพลในภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังจากอิสราเอลโจมตีเล่นงานพันธมิตรทั้งหลายของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นนักรบปาเลสไตน์ฮามาส และพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เช่นเดียวกับการล่มสลายของพันธมิตรของเตหะราน อย่างประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย
ซัลลิแวน ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่าปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลที่เล่นงานที่ตั้งต่างๆ ของอิหร่าน ในนั้นรวมถึงโรงงานขีปนาวุธและระบบป้องกันภัยทางอากาศ ได้ลดศักยภาพทางทหารตามแบบของเตหะราน "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาจมีสุ้มเสียง (ในอิหร่าน) พูดออกมาว่า เฮ้ บางทีเราอาจจำเป็นต้องเดินหน้าสำหรับอาวุธนิวเคลียร์แล้วในตอนนี้ บางทีเราอาจจำเป็นต้องปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ของเรา"
อิหร่านเน้นย้ำว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขาเป็นโครงการเพื่อสันติ แต่พวกเขาได้ยกระดับเสริมสมรรถนะยูเรเนียม นับตั้งแต่ ทรัมป์ ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างปี 2017-2021 ได้ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างเตหะรานกับเหล่าชาติมหาอำนาจ ที่กำหนดข้อจำกัดด้านกิจกรรมนิวเคลียร์ของเตหะราน แลกกับการปลดมาตรการคว่ำบาตร
ซัลลิแวน บอกว่ามีความเสี่ยงที่อิหร่านอาจละทิ้งคำสัญญาไม่สร้างอาวุธนิวเคลียร์ "มันเป็นความเสี่ยงที่เราพยายามระแวดระวังอยู่ในตอนนี้ มันเป็นความเสี่ยงที่ผมบรรยายสรุปให้คณะทำงานที่กำลังเข้ามาทำหน้าที่ได้รับฟังด้วยตนเอง" เขากล่าวพร้อมบอกว่าเขาได้หยิบยกเรื่องนี้ปรึกษาหารือกันอิสราเอล พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง เช่นกัน
ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม อาจหวนคืนสู่การใช้จุดยืนแข็งกร้าวในนโยบายกับอิหร่าน ด้วยการยกระดับคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเตหะราน
ซัลลิแวน มองว่า ทรัมป์ จะมีโอกาสสำหรับเสาะหาหนทางด้านการทูตกับเตหะราน เนื่องจากสภาวะที่อ่อนแอลงของรัฐอิหร่าน "บางทีเขาอาจทำสำเร็จในรอบนี้ และได้ข้อตกลงนิวเคลียร์จริงๆ จังๆ ที่สามารถควบคุมความทะเยอทะยานทางนิวเคลียร์ของอิหร่านในระยะยาว เนื่องด้วยสถานการณ์ที่อิหร่านกำลังเผชิญ" ซัลลิแวน กล่าว
(ที่มา : รอยเตอร์)