เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวระบุวานนี้ (19 ธ.ค.) ว่ารัฐบาลปากีสถานกำลังพัฒนาขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกล (long-range ballistic missile) ซึ่งท้ายที่สุดอาจสามารถยิงโจมตีเป้าหมายที่อยู่นอกภูมิภาคเอเชียใต้ และนั่นอาจจะกลายเป็น “ภัยคุกคามใหม่” สำหรับสหรัฐฯ
ข้อมูลซึ่งถูกเปิดเผยโดย จอน ไฟเนอร์ รองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นว่า สายสัมพันธ์ที่ครั้งหนึ่งเคยแนบแน่นระหว่างวอชิงตันกับอิสลามาบัดเสื่อมทรามลงเพียงใด นับตั้งแต่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากสงครามในอัฟกานิสถานเมื่อปี 2021
เรื่องนี้ยังก่อให้เกิดคำถามว่า ปากีสถานกำลังเปลี่ยนแปลงเป้าหมายของโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธทิ้งตัว ซึ่งแต่เดิมมีไว้เพื่อต่อกรกับอินเดียเท่านั้นหรือไม่? โดยทั้ง 2 ชาติเคยทำสงครามใหญ่กันมาแล้ว 3 ครั้งตั้งแต่ปี 1947
ระหว่างปาฐกถาที่กองทุนคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ (Carnegie Endowment for International Peace) ไฟเนอร์ ชี้ว่า ปากีสถาน “เริ่มแสวงหาเทคโนโลยีมิสไซล์ที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ตั้งแต่ระบบขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกลเรื่อยไปจนถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่จะช่วยให้สามารถทดสอบเครื่องยนต์จรวดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น”
หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ไฟเนอร์ ระบุว่า “ปากีสถานจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะโจมตีเป้าหมายนอกภูมิภาคเอเชียใต้ รวมถึงในดินแดนของสหรัฐอเมริกา”
เขาอธิบายต่อไปว่า ปัจจุบันยังมีเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่ครอบครองขีปนาวุธซึ่งมีพิสัยทำการถึงดินแดนของสหรัฐฯ ได้แก่ รัสเซีย เกาหลีเหนือ และจีน “ซึ่งกลุ่มชาติเหล่านี้ก็มักจะแสดงท่าทีเป็นศัตรูกับเรา”
“ดังนั้นว่ากันตรงๆ ก็คือ เราไม่อาจมองการกระทำของปากีสถานเป็นอื่นไปได้ นอกเสียจากเป็นภัยคุกคามใหม่สำหรับสหรัฐอเมริกา”
ถ้อยแถลงของ ไฟเนอร์ มีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่สหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรระลอกใหม่เพื่อยับยั้งโครงการพัฒนาขีปนาวุธของปากีสถาน และยังเป็นครั้งแรกที่หน่วยงานด้านกลาโหมซึ่งกำกับดูแลโครงการขีปนาวุธของอิสลามาบัดถูกอเมริกาขึ้นบัญชีดำ
สถานทูตปากีสถานประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังไม่ออกมาให้ความเห็นในประเด็นนี้
รัฐบาลปากีสถานอ้างว่า โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธทิ้งตัวมีไว้เพื่อป้องปรามอินเดีย และช่วยธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียใต้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ 2 คนที่ไม่ประสงค์ออกนามเผยว่า ความกังวลของรัฐบาลอเมริกันต่อโครงการขีปนาวุธในปากีสถานเริ่มมีมาพักใหญ่แล้ว โดยปมเหตุหลักๆ ก็อยู่ที่ขนาดของเครื่องยนต์จรวดซึ่งปากีสถานกำลังพัฒนาอยู่
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งยังประเมินด้วยว่า ภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ อาจเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 1 ทศวรรษข้างหน้า
ที่มา : รอยเตอร์