เอเจนซีส์/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - หนังสือความทรงจำอัตชีวประวัติเล่มล่าสุดที่กำลังจะเปิดตัว สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเผยว่า พระองค์ทรงรอดตายราวปาฏิหาริย์เกือบโดนลอบสังหารในอิรักปี 2021 จาก 2 มือระเบิดฆ่าตัวตาย แต่หน่วยข่าวกรองลับอังกฤษช่วยชีวิตพระองค์ไว้ได้ทัน
CNN ของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (17 ธ.ค.) ว่า ในการเสด็จเยือนอิรักครั้งประวัติศาสตร์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระประมุขแห่งวาติกันเมื่อมีนาคม ปี 2021 พระองค์เกือบโดนลอบสังหารถึง 2 ครั้ง และหนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิงติดระเบิดฆ่าตัวตาย
โดยในตัวอย่างหนังสือบันทึกความทรงจำเชิงอัตชีวประวัติ พระประมุขแห่งโฮลีตรัสเล่าว่า ทรงได้รับคำเตือนจากหน่วยข่าวกรองลับอังกฤษยืนยันว่า มีผู้หญิงสวมระเบิดไว้กับตัวคนหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาที่เมืองโมซูล เพื่อตั้งใจระเบิดตัวเองระหว่างการเสด็จของพระองค์
ดังนั้นแล้วพระองค์ตรัสกับคนขับรถตู้ว่า “ให้รีบขับออกไปด้วยความเร็วสูงเหมือนใจสั่ง”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีอายุครบ 88 พรรษาในวันอังคาร (17) และหนังสือบันทึกความทรงจำของพระองค์มีชื่อว่า “ความหวัง” หรือ HOPE มีกำหนดจะวางแผนในวันที่ 14 ม.ค. ปีหน้า อ้างอิงวันที่จากบีบีซีของอังกฤษ
และเมื่อข้าพเจ้าได้สอบถามกองกำลังอารักขา (วาติกัน) หลังจากวันที่ได้ทราบถึงมือระเบิด 2 คน ท่านผู้บัญชาการตอบกลับมาสั้นๆ ว่า “คนเหล่านั้นไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว” โป๊ปตรัสในตัวอย่างของหนังสือ HOPE ที่หนังสือพิมพ์อิตาลี Corriere Della Sera นำมาพิมพ์เผยแพร่บางส่วน
“ตำรวจอิรักได้สกัดคนเหล่านั้นและจุดระเบิดเหล่านั้น ซึ่งนั่นด้วยช่างน่าตกใจสำหรับข้าพเจ้า นี่ด้วยเป็นผลไม้พิษของสงคราม” โป๊ปตรัส
พระองค์เสด็จเยือนอิรักเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2021 เป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศที่เสี่ยงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
และยังเป็นการเสด็จเยือนด้วยพระทัยที่มุ่งมั่นในการไปให้ถึงประเทศที่เก่าแก่ ที่มีชื่อเล่าขานตามคำภีร์ที่เรียกอิรักในชื่อต่างๆ เป็นต้นว่า ซูเมเรีย (Sumeria) และอัสซีเรีย (Assyria) เป็นต้น และยังเป็นบ้านของหนึ่งในชุมชนคริสเตียนที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
ซึ่งนอกจากพระองค์จะได้พบกับชุมชนชาวคริสเตียนในอิรักแล้ว โป๊ปฟรานซิสยังได้พบผู้นำจิตวิญญาณชีอะห์ของอิรัก แกรนด์ อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี (Grand Ayatollah Ali al-Sistani) วัย 90 ปี ที่เมืองนาจาฟ (najaf) เป็นครั้งแรกที่โป๊ปฟรานซิสได้มีโอกาสได้พบกับผู้นำระดับสูงของฝ่ายชีอะห์
รอยเตอร์รายงานว่า เป็นการเสด็จหลังจากวิกฤตโควิด-19 สิ้นสุดและประเทศต่างๆ ได้เริ่มเปิดประเทศแต่เป็นการเปิดแบบจำกัดจำนวน
และในการเสด็จเยือนครั้งนั้นรัฐบาลอิรักได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคงมหาศาลเข้ามารักษาความปลอดภัย