เอเจนซีส์ - มีฐานทัพอเมริกันไม่ต่ำกว่า 17 แห่งตั้งอยู่ติดกับที่ดินทางการเกษตรของบริษัทจีนทั่วประเทศพบกับฝูงโดรนปรากฏอยู่เหนือฟ้าของฐานทัพเหล่านั้นไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองต่างประเทศสภาคองเกรสสหรัฐฯ ชื่อดังชี้ เชื่อโดรนเหล่านั้นเป็น 'โดรนสายลับจีน' ถูกส่งมาเพื่อสอดแนม และความลับทางการทหารสหรัฐฯ
นิวยอร์กโพสต์ของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (18 ธ.ค.) ว่า ฝูงโดรนปริศนาเมื่อไม่กี่สัปดาห์นี้มีรายงานพบใกล้ฐานทัพทางการทหารไม่ต่ำกว่า 17 แห่ง
เกิดขึ้นหลังประชาชนในรัฐนิวยอร์กและรัฐนิวเจอร์ซีย์ต่างพากันร้องเรียนพบฝูงโดรนเหนือท้องฟ้า
ทั้งนี้ วันอังคาร (17) ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองต่างประเทศประจำสภาล่างสหรัฐฯ ไมเคิล แม็คคอล (Michael McCaul) แสดงความเห็นว่า เขาเชื่อว่าโดรนที่ไม่ระบุที่มานั้นเป็นสปายโดรนจากจีน
“พวกเราต้องการบ่งชี้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโดรนเหล่านั้น” เขากล่าว
และเสริมต่อว่า “การตัดสินของผมขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผมที่ว่าสิ่งเหล่านี้อยู่เหนือที่ตั้งการทหารของพวกเราเป็นอริและมันน่าจะมาจากจีน”
ในทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีรายงานการะบโดรนเหนือท้องฟ้าฐานทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯ Camp Pendleton เมื่อไม่กี่วันมานี้
โฆษกแถลงว่า ระหว่างวันที่ 9 ธ.ค.-15 ธ.ค. มีโดรน 6 ลำพบเข้าสู่น่านฟ้าของฐานทัพ Camp Pendleton
และที่ฐานทัพอากาศ Wright-Patterson ในรัฐโอไฮโอ เจ้าหน้าที่สั่งปิดน่านฟ้าเป็นเวลา 4 ชม. สัปดาห์ที่แล้วเพราะความวิตกเกี่ยวกับโดรนไร้คนขับ
ที่รัฐเวอร์จิเนีย พบฝูงโดรนถูกพบเหนือชายหาดเวอร์จิเนียห่างออกไปจากสถานีอากาศนาวาที่นอร์ฟอล์ค (Norfolk)
ส่วนที่รัฐวอชิงตัน โดรนลึกลับถูกพบเมื่อต้นสัปดาห์ใกล้ฐานทัพ Fort Lewis ในทาโคมา (Tacoma)
และมีการรายงานการปรากฏของโดรนในเดือนนี้เหนือที่ศูนย์วิจัยทางการทหารสหรัฐฯ Picatinny Arsenal ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ และคลังแสงยุทโธปกรณ์ทางนาวี (Naval Weapons Station Earle) ในรัฐเดียวกัน
และในวันอาทิตย์ (15) สนามบินนานาชาติสตวร์ต (Stewart International Airport) ในรัฐนิวยอร์กต้องถูกสั่งปิดลงชั่วคราว
มอร์แกน เลอเรตต์ (Morgan Lerette) อดีตสมาชิกทหารรับจ้างอเมริกันจากบริษัท Blackwater ก่อนหน้าได้แสดงความเห็นกับนิวยอร์กโพสต์ว่า
“จีนนั้นไม่เร็วก็ช้าจะใช้ที่ดินการเกษตรเหล่านี้เพื่อเรียนรู้ถึงความสามารถทางการทหารอเมริกัน ความเคลื่อนไหว และเทคโนโลยี”
และเสริมต่อว่า “สิ่งนี้จะเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้าใจได้มากขึ้นในการเปลี่บนผ่านกองทัพของพวกเขาจากยุทธศาสตร์ตั้งรับมาเป็นการจู่โจม”
ในขณะที่มีการวิเคราะห์จากสำนักงานบริการด้านฟาร์มการเกตรสหรัฐฯ (Farm Service Agency) มาจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.ปี 2022 นักลงทนจีนครอบครองที่ดินการเกษตรของอเมริกาจำนวน 349,442 เอเคอร์
นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า Chen Tianqiao เศรษฐีพันล้านจีนและยังเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน CCP เป็นชาวต่างชาติที่ถือครองที่ดินการเกษตรในสหรัฐฯ มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ
พบว่าเขาได้แอบซื้อที่ดินเกือบ 200,000 เอเคอร์ในรัฐโอเรกอนปี 2015 ในราคา 430 ดอลลาร์ต่อเอเคอร์ อ้างอิงจาก Land Report
แต่ไม่ปรากฏชื่อของเขาอยู่ในการซื้อขายในความเป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินในการบันทุึกของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อครั้งเปิดเผยครั้งแรกเมื่อมกราคม อ้างอิงจากเดลี คอลลาร์ของอเมริกา
นิวยอร์กโพสต์ประเมินว่า เป็นที่น่าตกใจเมื่อพบว่า 'จีน' ถือครองที่ดินการเกษตรคิดเป็น 1% ของชาวต่างชาติทั้งหมดที่ถือครอบครองในอเมริกา อ้างอิงจาก NBC News ของสหรัฐฯ และเป็นความกังวลเมื่อรู้ว่าในการถือครองที่ดินของจีนเกิดมาจากการที่ดินการเกษตรเหล่านั้นตั้งอยู่ไม่ห่างจากฐานทัพสหรัฐฯ ภายในประเทศ
นิวยอร์กโพสต์รายงานก่อนหน้าว่า มีการค้นพบว่ามีฐานทัพ 19 แห่งตั้งอยู่ใกล้ที่ดินการเกษตรของบริษัทจีน และเชื่อว่าพรรคคอมมิวนิวนิสต์จีน CCP จะใช้เพื่อถือโอกาสสอดแนมปฏิบัติการทหารอเมริกา
เป็นต้นว่า บริษัทผู้ผลิตอาหารจีน ฝูเฝิง กรุ๊ป (Fufeng Group) ซื้อที่ดินการเกษตรอ้างเพื่อโรงงานสีข้าวโพดราว 300 เอเคอร์ มูลค่า 2.6 ล้านดอลลาร์ในแกรนด์ ฟอร์คส์ (Grand Forks) รัฐนอร์ทดาโกตาห่างจากฐานทัพอากาศแกรนด์ ฟอร์คส์ไปแค่ 20 นาที ซึ่งเป็นที่ตั้งในการวิจัยเทคโนโลยีโดรนทางการทหารที่อ่อนไหวมากที่สุดของประเทศตั้งอยู่ อ้างอิงจากเดลีเมลของอังกฤษรายงานเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ปี 2022
นิวยอร์กโพสต์รายงานต่อว่า FBI ออกมาแถลงสัปดาห์นี้ว่าได้รับรายงานกว่า 5,000 ครั้งถึงโดรนนับตั้งแต่พฤศจิกายน แต่มีไม่ถึง 100 ครั้งที่จำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม FBI FAA เพนตากอน และกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ ได้พยายามที่จะทำให้ความวิตกสาธารณะลดลงออกแถลงการณ์ร่วมในวันจันทร์ (16)
สอดคล้องกับการออกมาแถลงของผู้นำสหรัฐฯ วัย 82 ปีที่กำลังจะหมดสมัยออกมารับรองกับประชาชนอเมริกันในวันอังคาร (17) ว่า
“พวกเราเฝ้าติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แต่ทว่ามาจนถึงเวลานี้ยังไม่พบอันตราย”