เคียฟจะไม่เร่งรีบตกลงหยุดยิงใดๆ กับรัสเซีย จากคำประกาศกร้าวของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ เลอ ปาริเซียง สื่อมวลชนฝรั่งเศสที่เผยแพร่ในวันพุธ (18 ธ.ค.) พร้อมระบุเขาไม่เต็มใจยอมประนีประนอมใดๆ เพื่อบรรลุสันติภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดินแดน หรือประเด็นความทะเยอทะยานของเคียฟในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตและอียู
เซเลนสกี เคยยืนยันก่อนหน้านี้ว่าเส้นทางที่ใช้การได้ในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพกับรัสเซีย ก็คือสูตรสันติภาพ 10 ข้อของเขา ในนั้นรวมถึงการที่รัสเซียถอนกองกำลังออกไปจากดินแดนต่างๆ ของยูเครนโดยสมบูรณ์ และคืนสถานะชายแดนของประเทศกลับสู่ช่วงปี 1991 อย่างไรก็ตาม มอสโกไม่เคยให้ความใส่ใจข้อเสนอดังกล่าวแม้แต่น้อย
กระนั้นก็ตาม เซเลนสกี ส่งสัญญาณในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าเขามีความตั้งใจสละคำกล่าวอ้างเรื่องดินแดน ถ้าเคียฟได้กลายเป็นสมาชิกนาโต ขณะที่รายงานข่าวของสื่อมวลชนเมื่อเร็วๆ นี้ก็บ่งชี้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งพบปะกับ เซเลนสกี ที่กรุงปารีส ในช่วงต้นเดือน อาจโน้มน้าวให้ผู้นำยูเครนตรึงความขัดแย้งในแนวรบปัจจุบัน และหาทางบังคับให้เกิดการเจรจาระหว่างเคียฟกับมอสโก
รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยประกาศกร้าวระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าเขาจะยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ภายใน 24 ชั่วโมง ทันทีที่กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว ในเดือนมกราคมปีหน้า
"เขาต้องการให้มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วจริงๆ แต่เขายังไม่ได้อยู่ในทำเนียบขาว และไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด เขารู้ถึงความปรารถนาที่หนักแน่นของผมด้วยเช่นกันว่า ผมไม่ต้องการเร่งรีบที่อาจก่อความเสียหายแก่ยูเครน" เซเลนสกีเน้นย้ำ
"ไม่สำคัญหรอกว่ามีประธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรีมากมายแค่ไหนที่ต้องการประกาศยุติสงคราม เราจะไม่ยอมจำนนหรือยอมสละเอกราชของเราอย่างง่ายๆ" เขากล่าวต่อ พร้อมอ้างว่าการตรึงความขัดแย้งให้อยู่ในขั้นปัจจุบัน จะเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้รัสเซียโจมตียูเครนในภายภาคหน้า
"ปูตินคือบูมเมอแรง เขาจะย้อนกลับมาจนกว่าเขาจะได้ในสิ่งที่ต้องการ ถ้าเราไม่หยุดปูติน เขาจะเดินหน้าทำลายเรา" เซเลนสกีย้ำ พร้อมบอกว่าเขาพร้อมเจรจาสันติภาพกับมอสโก ก็ต่อเมื่ออยู่ใน "สถานะที่เข้มแข็ง" และ "เพื่อไปอยู่ในจุดนั้น ยูเครนต้องเป็นส่วนหนึ่งของอียูและนาโต"
เซเลนสกี ยังได้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่า เขายอมรับเกี่ยวกับการสูญเสียดินแดนต่างๆ ที่กลายเป็นอดีตของยูเครน ที่เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแคว้นโดเนตสก์ แคว้นลูฮันสก์ แคว้นเคียร์ซอน แคว้นซาโปริซเซีย และแคว้นไครเมีย
"เราไม่อาจสละดินแดน รัฐธรรมนูญยูเครนห้ามเราทำเช่นนั้น" เขาเน้นย้ำ อย่างไรก็ตามเขายอมรับว่าในปัจจุบัน เคียฟไม่มีความเข้มแข็งพอที่จะทวงคืนดินแดนเหล่านั้น
ฝ่ายรัสเซีย ยืนกรานว่าการตรึงความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ แต่เน้นย้ำว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาและยินดีต่อการหาทางออกทางการทูต กระนั้นมอสโกยืนยันว่าหนทางเดียวที่เป็นไปได้คือเคียฟละทิ้งปฏิบัติการทางทหาร ถอนกองกำลังออกจากดินแดนของรัสเซีย ในนั้นรวมถึงบรรดาอดีตแคว้นของยูเครน รับประกันสิทธิของพลเมืองที่พูดภาษารัสเซีย และกลายมาเป็นรัฐที่เป็นกลางที่ปราศจากนิวเคลียร์
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)