ผู้หญิงชาวสิงคโปร์รายหนึ่งอยู่ในอาการว้าวุ่นใจ อ้างว่าของมีค่าหายระหว่างเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนในไทย ในนั้นประกอบด้วยแหวนแต่งงานทิฟฟานี แหวนเพชร 2 วง และสร้อยข้อมือ มูลค่ารวมกว่า 30,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 7.5 แสนบาท) เจ้าตัวและสามีสงสัยเด็กยกกระเป๋าของโรงแรมที่เข้าพัก แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ มาจากบริษัทแม่ของโรงแรมแห่งนี้ ตามรายงานของสำนักข่าวเอเชียวัน
รายงานของหนังสือพิมพ์เอเชียวัน สื่อมวลชนสิงคโปร์ ระบุว่า 2 สามีภรรยาชาวสิงคโปร์ เข้าพักที่โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม ถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน แต่ระหว่างเช็กเอาต์นั้น ฝ่ายภรรยาที่อยู่ในอาการเร่งรีบ ลืมเอาเครื่องประดับใส่กระเป๋าและทิ้งไว้ในห้องน้ำ
เธอนึกขึ้นได้ในอีก 30 นาทีต่อมาและรีบแจ้งไปยังโรงแรมในทันที "อย่างไรก็ตาม ราว 30 นาทีต่อมา พวกเราได้รับแจ้งว่าไม่พบเครื่องประดับแต่อย่างใด" สามีของเธอเล่าย้อน "เรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลมาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นถัดจากนั้น มันทำให้เราช็อกอย่างที่สุด วันหยุดพักผ่อนของเรากลายเป็นฝันร้าย"
"ผู้ช่วยผู้จัดการ ซึ่งพูดคุยกับเราก่อนหน้านี้ ได้แสดงความเห็นบางอย่างที่ไม่ค่อยน่าสบายใจ เธอให้คำจำกัดความแหวนเพชรของฉันว่าเป็นแหวนสีขาว ซึ่งมันน่าประหลาดใจมากเพราะเราไม่เคยเล่าเกี่ยวกับลักษณะของแหวนให้เธอฟังเลย มันดูเหมือนถึงเธอบรรยายภาพมันราวกับเธอเคยพบเห็นมันมาก่อน" สามีของฝ่ายหญิงบอกกับเอเชียวัน
"ตอนที่ผมชี้ว่าแหวนเพชรมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ในนั้นรวมถึงแบบโรสโกลด์และโกลด์ แต่ต่อมาผู้จัดการพยายามปกปิดเหตุการณ์นี้ ด้วยการอ้างว่าแหวนเพชรส่วนใหญ่เป็นสีขาว เรารู้สึกเหมือนว่ามันเป็นการจงใจพยายามเบี่ยงเบนไปจากประเด็นข้อเท็จจริง" เขากล่าว
เอเชียวันรายงานว่า ความสงสัยในตัวของเด็กยกกระเป๋ายิ่งมากขึ้น ครั้งที่ทั้งคู่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด "เราพบพฤติกรรมต้องสงสัยของเด็กยกกระเป๋า ที่จ้องมองกล้องวงจรปิดก่อนออกจากห้องของเราไป" สามีของผู้เสียหายเล่า "เรื่องนี้ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เด็กยกกระเป๋าที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ได้เปลี่ยนคำให้การระหว่างการสืบสวนของตำรวจ เบื้องต้น ตอนเขาพูดกับภรรยาของผม เขาอ้างว่าเขาเข้าไปห้องน้ำ และพบว่ามันผ่านการทำความสะอาดแล้ว และไม่พบเห็นเพชรแต่อย่างใด"
"อย่างไรก็ตาม ในการให้การกับตำรวจ เด็กยกกระเป๋ารายนี้กลับปฏิเสธและเน้นย้ำว่าเขาไม่เคยพูดกับภรรยาของผม แต่ในข้อเท็จจริงคือ ภาพจากกล้องวงจรปิด พบเห็นเขาเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับภรรยาของผม ผู้ช่วยผู้จัดการและหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย พฤติกรรมของเขาน่าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ" เขากล่าว
นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์บอกต่อว่า "ตลอดที่เราเข้าพัก ภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันว่าภรรยาของผมสวมเครื่องประดับเหล่านั้นอยู่เสมอ ทั้งตอนเข้าและออกจากโรงแรม มีเพียงครั้งเดียวที่เธอไม่สวมใส่ คือในวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่เธอลืมมันไว้ในห้องน้ำ โรงแรมไม่ยอมรับหลักฐานที่ชัดเจนนี้ และปฏิบัติกับเราราวกับมันเป็นความผิดของพวกเราเอง"
แขกรายนี้บอกต่อว่า "แม้เราพยายามอย่างสุดความสามารถในการแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทั้งโรงแรมและเจ้าหน้าที่ แต่โรงแรมยังคงปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เรายกระดับประเด็นนี้ยื่นเรื่องไปยัง แมริออท อินเตอร์เนชันแนล ในความหวังว่าพวกเขาจะเข้ามาแทรกแซง แต่ 1 เดือนผ่านไป ก็ไม่มีการดำเนินการที่มีนัยสำคัญใดๆ"
ในเรื่องนี้ทางโฆษกของ แมริออท อินเตอร์เนชันแนล ชี้แจงว่า "เรารับทราบสถานการณ์แล้ว และได้ประสานงานสื่อสารโดยตรงกับแขกผู้เข้าพัก จัดการกับความกังวลของพวกเขา เรากำลังดำเนินการอย่างจริงจังในประเด็นนี้ และกำลังดำเนินการตรวจสอบภายในอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจและคลี่คลายเรื่องที่เกิดขึ้น"
(ที่มา : เอเชียวัน)