ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล ของเกาหลีใต้ ที่ถูกรัฐสภาลงมติถอดถอน ทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังคงปฏิเสธหมายเรียกไปให้ปากคำของเจ้าหน้าที่สอบสวนทีมต่างๆ ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญเผยว่าเริ่มดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาจะรับรองหรือปฏิเสธการถอดถอนประธานาธิบดีผู้นี้แล้วตั้งแต่วันจันทร์ (16 ธ.ค.)
ลี จิน โฆษกศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ แถลงในวันจันทร์ (16) ว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญที่เวลานี้มีด้วยกัน 6 คน เริ่มการพิจารณาหารือแล้วเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามกระบวนการ หลังจากรัฐสภาลงมติถอดถอนยุนเมื่อวันเสาร์ (14) ที่ผ่านมา โดยจะจัดทำประชาพิจารณ์ครั้งแรกในวันที่ 27 ที่จะถึงนี้ เพื่อเตรียมการรับรองประเด็นสำคัญทางกฎหมายและกำหนดกรอบการการดำเนินการต่างๆ
ศาลรัฐธรรมนูญมีเวลาพิจารณาประมาณ 6 เดือนเพื่อตัดสินว่า จะยืนตามมติของรัฐสภาหรือไม่ และหากวินิจฉัยเห็นชอบให้ถอดถอนยุน เกาหลีใต้ก็จะต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ภายในเวลา 2 เดือน
ครั้งล่าสุดที่มีการพิจารณาเรื่องเช่นนี้ คือในปี 2017 ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาราว 3 เดือน ก็สามารถประกาศคำตัดสินยืนยันให้ถอดถอน พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีในขณะนั้น ซึ่งถูกสภาลงมติถอดถอนจากกรณีการใช้อำนาจโดยมิชอบ
นอกจากถูกรัฐสภาลงมติให้เข้าสู่กระบวนการถูกถอดถอนแล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นๆ จัดการสอบสวนเขาคู่ขนานไปด้วย ทำให้ ยุน ที่ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศก่อนหน้านี้แล้ว ยังอาจถูกตั้งข้อหากบฏจากการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกหลายคน
ทางด้านตำรวจเผยว่า ทีมสอบสวนร่วมระหว่างตำรวจ กระทรวงกลาโหม และสำนักงานปราบปรามการทุจริต ได้เรียกยุนมาสอบปากคำวันพุธ (18) นี้ ในข้อกล่าวหาเป็นผู้นำในการประกาศกฎอัยการศึกอย่างผิดกฎหมาย ทว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีปฏิเสธไม่ยอมรับหมายเรียก โดยอ้างว่า ไม่อยู่ในสถานะที่จะทำได้ และสำนักงานปราบปรามการทุจริตแจ้งว่า จะส่งหมายเรียกผ่านจดหมายลงทะเบียนด่วนอีกครั้ง
สำนักข่าวยอนฮัป ซึ่งเป็นสำนักข่าวกึ่งทางการของเกาหลีใต้รายงานว่า ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางเจ้าหน้าที่สอบสวนพยายามส่งหมายเรียกยุนไปให้ปากคำ ด้วยการส่งเจ้านห้าที่เดินทางไปที่สำนักงานประธานาธิบดีและที่บ้านพักประจำตำแหน่ง ทว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีไม่ยอมรับหมายดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลเดียวกัน
เช่นเดียวกับสำนักงานอัยการที่ต้องออกหมายเรียกยุนครั้งที่ 2 ในวันจันทร์เพื่อให้เขาไปให้ปากคำเกี่ยวกับข้อกล่าวหากบฏและการใช้อำนาจโดยมิชอบ หลังจากถูกปฏิเสธไปเมื่อวันอาทิตย์ (15) โดยอ้างว่า กำลังจัดทีมกฎหมายเพื่อสู้คดี ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า หากยุนยังปฏิเสธอีก จะมีการออกหมายจับต่อไป
สื่อท้องถิ่นยังรายงานว่า ยุน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอัยการสูงสุดของประเทศ ก่อนที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี ได้แต่งตั้งคิม ฮองอิล อดีตอัยการ เป็นผู้นำของทีมทนายความรับมือทั้งในกรณีการถูกถอดถอนและการถูกสอบสวนคดีอาญา
ในอีกด้านหนึ่ง ตำรวจระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ (15) ได้จับกุมอดีตผู้บัญชาการและผู้บัญชาการคนปัจจุบัน ของกองบัญชาการข่าวกรองกลาโหม ฐานเกี่ยวข้องพัวพันกับข้อกล่าวหาเป็นกบฏของยุน
สำนักงานอัยการยังเปิดเผยว่า กำลังขอหมายจับ กว็อก จองกึน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่ถูกกล่าวหาว่า ส่งกองกำลังพิเศษไปยังรัฐสภาระหว่างการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่สภา
ทางด้านพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ต้นสังกัดของยุนนั้น เมื่อวันจันทร์ ฮัน ด็องฮุน หัวหน้าพรรค ซึ่งแม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประกาศกฎอัยการศึก รวมทั้งให้การสนับสนุนการถอดถอนยุน ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง พร้อมขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศกฎอัยการศึก
ฮันยังประณามกลุ่มสุดโต่ง โดยเฉพาะพวกนักทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่คอยกระพือข่าวเท็จทางโซเชียลมีเดียว่า มีการโกงเลือกตั้งอย่างมโหฬาร จึงทำให้พีพีพีพ่ายแพ้ยับเยินในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับเตือนว่า ลัทธิอนุรักษนิยมอาจหมดอนาคตในเกาหลีใต้ หากพีพีพียังคงหนุนหลังคนเหล่านี้
ทั้งนี้ ในการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อต้นเดือน เหตุผลหนึ่งที่ยุนยกมาเป็นข้ออ้าง คือเรื่องระบบการเลือกตั้งของเกาหลีใต้ไม่โปร่งใส
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)