รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม วันนี้(16 ธ.ค) แต่งตั้งอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นหนึ่งในทีมที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียนคนใหม่ปีหน้า ระหว่างผู้นำไทยลูกสาว แพทองธาร ชินวัตร เดินทางเยือนกัวลาลัมเปอร์เป็นทางการ พบทีมที่ปรึกษายังรวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เอ่ยปากต้องการยืมความสามารถและประสบการณ์ ธิงแทงก์ออสเตรเลียชื่อดัง Lowy Institution ชี้ผู้นำแดนเสือเหลืองเตรียมเปลี่ยนอาเซียนเป็น "BRICSพลัส" ทำนโยบายช่วยปูติน ตะวันตกชี้ทั้งทักษิณและอันวาร์เอาใจออกห่างวอชิงตันหันเข้าหาขั้วโลกใหม่
รอยเตอร์รายงานวันนี้(16 ธ.ค)ว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ในวันจันทร์(16) แต่งตั้งอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เศรษฐีพันล้านของไทยที่เคยเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งทางการเมืองและหนีคดีก่อนกลับมาและได้รับพระราชทานอภัยโทษในปีนี้หลังเข้าเรือนจำได้ไม่กี่วัน ให้นั่งอยู่ในทีมที่ปรึกษาส่วนตัวของเขาในฐานะประธานอาเซียนปีหน้า
อันวาร์กล่าวว่า อดีตผู้นำไทยนั้นจะทำงานร่วมกับผู้นำชาติอื่นๆไม่กี่คนของอาเซียนที่เขามีแผนจะเชิญรวมถึง อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์
รอยเตอร์รายงานว่า อันวาร์ประกาศระหว่างการเยือนมาเลเซียเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีไทย แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นบุตรสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร
โดยในแถลงการณ์ร่วม อันวาร์กล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับการตกลงต่อสิ่งนี้เป็นเพราะพวกเราต้องการผลประโยชน์ของประสบการณ์ของรัฐบุรุษเช่นนั้น”
รอยเตอร์กล่าวว่า ถึงแม้ทักษิณจะถูกห้ามจากการเล่นการเมืองแต่ทว่าเขาเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในการเมืองไทยที่มีแต่คนเข้าหา เขามีบทบาทในพรรคเพื่อไทยที่ตัวเองก่อตั้งรวมไปถึงการออกมาแสดงความเห็นต่อนโยบายของรัฐบาลต่างๆ รวมไปถึงประเด็น MOU44 เกาะกูดที่มีปัญหาพิพาทดินแดนกับกัมพูชาและวาทะเด็ด “บอกมีแต่ควายเท่านั้น ที่ยกประเทศให้คนอื่น” ที่ก่อนหน้าอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฮุนเซน นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวบินมาพบถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า
ทักษิณยังเคยพบประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ปราโบโว ซูเบียนโต
รอยเตอร์รายงานว่า อ้างอิงจากสื่อไทยระบุว่า อดีตผู้นำรายนี้พยายามทำตัวเป็นกลางเข้าไกล่เกลี่ยความขัดแย้งภายในเมียนมาที่กำลังเกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งประเด็นเมียนมาถือเป็นขวากหนามใหญ่ของอันวาร์ในการนั่งทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนคนใหม่
ทั้งนี้กระทรวงต่างประเทศไทยยืนยันเมื่อพฤษภาคมล่าสุดว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ใช้อิทธิพลส่วนตัวพบกับฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลทหารพม่าในความพยายามตั้งตัวเป็นโบร๊กเกอร์ของภูมิภาค แต่ไม่ทราบผลว่าประสบความสำเร็จหรือไม่
MGRออนไลน์รายงานล่าสุดวันนี้(16)ว่า ศาลเกาะสอง ประเทศเมียนมา ตัดสินจำคุกเจ้าของเรือประมง รวม 6 ปี และ ลูกเรือคนไทย คนละ 4 ปี มีความผิดหลายข้อหาหนัก รุกล้ำน่านน้ำ ทำประมง-ลอบเข้าประเทศ
สื่อนอกชี้ว่า อดีตผู้นำไทยมีความทะเยอทะยานที่อาจจะไม่ต่างจากอันวาร์ซึ่ง เดอะดิพโพลแมตวิเคราะห์ในรายงานวันที่ 9 ต.ค ที่ผ่านมาว่า 'ระหว่างความเป็นนักฉวยโอกาสและความเกลียดชังตะวันตกแล้ว'สิ่งไหนที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของอันวาร์ ที่อาจจะมีแรงผลักดันมาจากปัญหาเขตฉนวนกาซาที่อิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์ไปเกือบครึ่งแสนคนท่ามกลางการหนุนหลังจากสหรัฐฯและตะวันตก
ISEAS ของสถาบันธิงแทงก์ Yusof Ishak Institute รายงานเมื่อวันที่ 28 พ.ค ปีนี้วิเคราะห์ถึงผู้นำไทยว่า
“ตัวทักษิณมีความชื่นชอบในปักกิ่งมากกว่าและแม้กระทั่งรัสเซีย ที่ตัวเขาเคยแสดงความเห็นอกเห็นใจประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินในการรุกรานยูเครน"
สถาบันธิงแทงก์ออสเตรเลียชื่อดัง Lowy Institution เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 ก.ยที่ผ่านมา แสดงความวิตกต่อการที่นายกรัฐมนตรี มาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม จะขึ้นเป็นประธานอาเซียนคนใหม่ท่ามกลางกระแสเชี่ยวกรากแรงกดดันการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ และมีความวิตกว่า จะทำให้อาเซียน 10 ชาติกลายเป็น BRICSพลัส รับใช้ปูติน
โดยอ้างอิงจากแนวคิดของอันวาร์ที่สะท้อนถึง BRICS ตั้งแต่เขาต้องการตั้งกองทุนการเงินเอเซีย (Asian Monetary Fund) และการล้มดอลลาร์และได้หารือในเรื่องเหล่านี้กับทั้งปักกิ่งคู่อริของอเมริกาและประเทศอื่นๆ
ธิงแทงก์ออสเตรเลียกล่าวว่า ดูเหมือนผู้นำแดนเสือเหลืองมีความอ่อนไหวต่อความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจที่เหล่าประเทศกำลังพัฒนาต้องบอบช้ำจากฝีมือของประเทศตะวันตกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้ว
และส่งผลทำให้บทบาทของมาเลเซียในฐานะผู้นำอาเซียนที่ซึ่งธิงแทงก์ออสเตรเลียชี้ว่า อันวาร์สามารถนำวาระของ BRICS มาทำให้เกิดความสำเร็จ โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2025
“พวกเราไม่สามารถยอมรับสถานการณ์ที่ตะวันตกต้องการควบคุมการเจรจาได้อีกต่อไปเป็นเพราะในข้อเท็จจริงที่ว่า ประเทศเหล่านี้ไม่ใช่ประเทศเจ้าอาณานิคมที่มีอำนาจอีกต่อไปและชาติเอกราชทั้งหลายสมควรที่จะมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของตัวเอง”นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าว
สถาบันธิงแทงก์ออสเตรเลียชี้ว่า การตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่ม BRICS นี้ดูเหมือนเป็นการตัดสินใจสำหรับอนาคต ซึ่งการคาดการณ์ของ PWC ระบุว่า "จีน" จะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลกในปี 2050 และอินเดียจะขึ้นนำแซงหน้า "สหรัฐฯ" มาเป็นอันดับที 2 ส่วนอินโดนีเซีย บราซิล และรัสเซียจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 4 อันดับที่ 5 และอันดับที่ 6 ตามลำดับ
ส่วน "สหรัฐฯ" จะตกอยู่ในลำดับที่ 3 ญี่ปุ่นอยู่ในลำดับที่ 8 เยอรมันอยู่ในลำดับที่ 9 และอังกฤษอยู่ในลำดับที่ 10
อันวาร์ได้เขียนบทความใน Project Syndicate ของสหรัฐฯวันจันทร์ (16) ยืนยันว่า
การเป็นผู้นำอาเซียนของมาเลเซียนั้นมีความหมายอย่างสำคัญไปที่การขยายตัวความเป็นพันธิมตรนอกอาเซีย “อาเซียนพลัส” ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และรวมถึงกลุ่ม BRICS ที่ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ได้ยื่นใบสมัครเข้าร่วมในตุลาคมนี้
อันวาร์เปิดเผยว่า เป้าหมายของอาเซียนสำหรับเขาจะไม่เป็นเพียงแต่ผู้ร่วมเล่นในเศรษฐกิจโลก แต่มีเป้าหมายไปที่การส่งอิทธิพลต่อมัน เปลี่ยนการบริหารภาครัฐ รูปแบบเศรษฐกิจ และการกล่าวถึงวัฒนธรรม