xs
xsm
sm
md
lg

สงครามชิปขยายใหญ่โตขึ้นอีก! กลุ่มธุรกิจในจีนออกมารณรงค์ต่อต้านการใช้ชิปอเมริกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: หย่ง เจี้ยน


พวกกลุ่มอุตสาหกรรมของจีนออกมาแถลงวา ชิปอเมริกัน “ไม่มีความปลอดภัย” และ “ไม่น่าเชื่อไว้วางใจ” อีกต่อไปแล้ว (ภาพจากบริษัทโกลบอลฟาวดรีส์)
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

China business groups campaign against using US chips
by Yong Jian
07/12/2024

พวกสมาคมธุรกิจและสมาคมเทคของจีน ร่วมใจกันออกมาประกาศว่า เซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตโดยอเมริกัน ไม่มีความปลอดภัยหรือความน่าเชื่อถือไว้วางใจได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นกิจการทั้งหลายของจีนจึงควรพิจารณาหันมาใช้ชิปที่ผลิตในจีนเองหรือมาจากภูมิภาคอื่นๆ มากกว่า ความเคลื่อนไหวของแดนมังกรคราวนี้มีขึ้นหลังจากสหรัฐฯออกประกาศแบนการส่งออกชิประดับไฮเอนด์ ตลอดจนเครื่องจักรอุปกรณ์ทำชิปมายังแดนมังกรเพิ่มเติมเป็นระลอกที่ 3

กลุ่มอุตสาหกรรมของจีน 4 กลุ่ม ออกมาเรียกร้องให้สมาชิกของพวกเขาอย่าไปซื้อเซมิคอนดักเตอร์อเมริกันรุ่นที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า legacy semiconductors นั่นคือ ไม่ใช่รุ่นที่ล้ำยุคก้าวหน้า แต่ยังมีการนำมาใช้งานกันอยู่ทั่วไป โดยที่ 4 สมาคมนี้ให้เหตุผลในทำนองเดียวกันว่า เนื่องจากมีข้อน่ากังวลเกี่ยวกับ “ความปลอดภัย” ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวคราวนี้เกิดขึ้น หลังจากทางการสหรัฐฯเปิดเผยมาตรการควบคุมการส่งออกระลอกใหม่ที่มุ่งห้ามการส่งออกชิปสหรัฐฯระดับไฮเอนด์ ตลอดจนเครื่องจักรอุปกรณ์ในการทำชิปมายังจีนอย่างเข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้นอีก

ทั้งสมาคมอินเทอร์เน็ตแห่งประเทศจีน (Internet Society of China), สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน(China Semiconductor Industry Association), สมาคมโรงงานอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์จีน (China Association of Automobile Manufacturers), และสมาคมวิสาหกิจการสื่อสารจีน (China Association of Communications Enterprises) ระบุในคำแถลง [1] ที่ต่างสมาคมต่างออกแยกจากกัน แต่สาระสำคัญทำนองเดียวกันว่า มาตรการควบคุมการส่งออกชิปล่าสุดของสหรัฐฯนี้ได้สั่นคลอนความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของบริษัทจีนทั้งหลายในการใช้ชิปอเมริกัน

สมาคมอินเทอร์เน็ตแห่งประเทศจีนบอกว่า กิจการของจีนทั้งหลายควรเลือกสรรอย่างระมัดระวังหากพวกเขาจำเป็นต้องนำชิปสหรัฐฯมาใช้ และพวกเขาควรเป็นฝ่ายริเริ่มอย่างเอาจริงเอาจังในการหันมาพิจารณาซื้อหาเซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตภายในประเทศ หรือที่มาจากภูมิภาคอื่นๆ

ขณะที่สมาคมโรงงานอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์จีนแถลงว่า ชิปสหรัฐฯไม่มีความปลอดภัยและความไว้วางใจได้สำหรับการนำมาใช้อีกต่อไปแล้ว ในเมื่อมาตรการควบคุมการส่งออกชิปของวอชิงตันที่ออกมาเพื่อมุ่งเล่นงานจีนนั้น ได้ก่อกวนสร้างความปั่นป่วนให้แก่ห่วงโซ่อุปทานของบรรดากิจการอเมริกัน และเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทเหล่านี้

กระนั้น ทางสมาคมก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเจาะจงว่าคุณภาพของชิปอเมริกันจะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างไรจากการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบการส่งออกของสหรัฐฯ

ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าพวกผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จีนจะทำตามคำแนะนำของสมาคมทั้ง 4 แห่ง ด้วยการลดการซื้อหาชิปสหรัฐฯหรือไม่ กระนั้นก็ตาม คอมเมนเตเตอร์ชาวจีนบางรายก็เชียร์และชี้ว่า การรณรงค์เช่นนี้จะช่วยพวกผู้ผลิตชิปจีนในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด legacy chip ในระยะยาว

“กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (The Ministry of Industry and Information Technology หรือ MIIT) (ของจีน) ได้แถลงเอาไว้ก่อนหน้านี้ [2] ในปีนี้แล้วว่า พวกชิปที่ผลิตในสหรัฐฯจะถูกทยอยนำออกไปจากเครือข่ายโทรคมนาคมของจีนภายในปี 2027” คอลัมนิสต์ที่ใช้นามแฝงว่า “จินเต่า” (Jindou) ซึ่งตั้งฐานอยู่ในมณฑลหูหนาน กล่าวเช่นนี้ในข้อเขียนชิ้นหนึ่ง “นี่ไม่ใช่เป็นเพียงการพูดจาที่ว่างเปล่าไร้ความหมายอย่างแน่นอน”

เขาบอกว่า จีนมีการเพิ่มพูนการลงทุนอย่างสำคัญในพวกผู้ผลิตชิปท้องถิ่นและพวกซัปพลายเออร์ที่เกี่ยวข้องมามาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว เป็นการวางรากฐานให้แก่ประเทศชาติสำหรับการค่อยๆ ขจัดซัปพลายเออร์สหรัฐฯออกไปจากห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา

เขาชี้ว่าเวลานี้อัตราการเติบโตของการส่งออกชิปของจีน อยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราการเติบโตของการนำเข้าชิปแล้ว แสดงให้เห็นว่าจีนจะไม่ต้องนำเข้าชิปต่างประเทศอีกต่อไปในวันหนึ่งข้างหน้า เขาบอกว่าในทันทีที่จีนสามารถอยู่ในฐานะเหนือล้ำกว่าในตลาด legacy chip สหรัฐฯก็จะสูญสียสถานะความเป็นผู้นำในตลาดชิปทั่วโลกไป

ทั้งนี้ ตามตัวเลขของกรมใหญ่ศุลกากร (General Administration of Customs) ของจีน รอบ 10 เดือนแรกปีนี้ การส่งออกชิปของจีนพุ่งขึ้นด้วยอัตรา 19.6% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้วยจำนวน 246,000 ล้านหน่วย ขณะที่การนำเข้าชิปเพิ่มขึ้น 15% มาอยู่ที่ 456,000 ล้านหน่วย

การตอบโต้เอาคืนของปักกิ่ง

หวาง เฟยอิ๋ว์น (Wang Feiyun) คอลัมนิสต์ที่ตั้งฐานอยู่ในปักกิ่ง เขียน [3] เอาไว้ว่า จากการที่สหรัฐฯห้ามไม่ให้กิจการของจีนสามารถซื้อหาชิปไฮเอนด์อเมริกัน มันจึงเป็นความเป็นธรรมที่บริษัทจีนทั้งหลายจะลดการซื้อหา legacy chip อเมริกัน

“เราไม่เพียงหยุดยั้งการซื้อชิปสหรัฐฯเท่านั้น แต่ยังหยุดยั้งสหรัฐฯไม่ให้มาเอาวัตถุดิบต่างๆ ของจีนด้วย” หวางกล่าว ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงการตัดสินใจล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์จีนที่ห้ามการส่งออกพวกโลหะสำคัญยิ่งยวดบางอย่างบางประเภทที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ไปยังสหรัฐฯ

กล่าวคือ กระทรวงพาณิชย์จีนออกคำสั่ง [4] เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา ห้ามการส่งออก แกลเลียม (gallium), เจอร์มาเนียม (germanium), พลวง (antimony), และ “พวกวัสดุแข็งพิเศษ” (superhard materials) อย่างเช่น เพชร และคิวบิก โบรอน ไนไตรด์ (cubic boron nitride) ไปสหรัฐฯอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงยังแถลงด้วยว่า การส่งพวกกราไฟต์ไปยังสหรัฐฯ จากนี้ไปก็จะถูกตรวจสอบเรื่องเอนด์ยูสเซอร์อย่างเข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้น

“การตอบโต้เอาคืนรอบล่าสุดของจีนนี้ มีความเข้มแข็งกว่ารอบก่อนๆ เนื่องจากจีนกล่าวอย่างเปิดเผยว่ากำลังพุ่งเป้าไปที่สหรัฐฯ” หวาง กล่าว “ไม่เพียงเท่านั้น พวกกิจการอเมริกันที่นำเข้าโลหะสำคัญยิ่งยวดของจีนไปใช้ในทางพลเรือน ก็ถูกสั่งแบนเช่นเดียวกัน”

เขาให้ความเห็นต่อไปว่า เป็นความเคลื่อนไหวที่ฉลาดที่ให้พวกกลุ่มอุตสาหกรรมของจีน แทนที่จะเป็นรัฐบาลจีน ออกมาเรียกร้องให้ลดการซื้อหาชิปสหรัฐฯ เขากล่าวว่า มันจะทำให้สหรัฐฯไม่สามารถหาเหตุผลสำหรับการยื่นฟ้องร้องต่อทางองค์การการค้าโลก (World Trade Organization)

“เป็นความจริงที่ว่าจีนยังมีจุดอ่อนในเรื่องการผลิตพวกชิปไฮเอนด์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชิประดับ 14 นาโนเมตรก็ดีเพียงพอสำหรับการทำผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ถึง 90% แล้ว” เขาบอก “และจีนก็สามารถผลิตชิปขนาด 28 นาโนเมตรที่ให้ yield ระดับ 95% ในแบบการผลิตเป็นจำนวนมากๆ (mass production) ได้แล้วด้วย”

เขากล่าวว่า มาตรการของสหรัฐฯที่นำมาใช้เล่นงานจีน มีแต่จะเติมเชื้อเพลิงให้แก่สงครามชิป ซึ่งจะทำให้พวกผู้ผลิตชิปสหรัฐฯ อย่างเช่น อินเทล และ ควอลคอมม์ ต้องสูญเสียช่องทางการเข้าถึงตลาดจีน

การแซงก์ชั่นของสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม หรือ 1 วันก่อนหน้ากระทรวงพาณิชย์จีนออกคำสั่งห้ามการส่งออกพวกโลหะสำคัญในการทำชิปไปยังสหรัฐฯครั้งนี้ กรมอุตสาหกรรมและความมั่นคง (Bureau of Industry and Security หรือ BIS) แห่งกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ [5] แพกเกจกฎระเบียบควบคุมการส่งออกชิปไปยังจีนชุดใหม่ ซึ่งถือเป็นชุดที่ 3 หลังจากได้ประกาศใช้มาแล้ว 2 ระลอก คือในเดือนตุลาคม 2021 และในปี 2022

ในชุดล่าสุดนี้ BIS ได้เพิ่มชื่อพวกผู้ผลิตชิปและพวกซัปพลายเออร์ทางด้านนี้ของจีนจำนวนถึง 140 รายเข้าไปในบัญชีดำ “Entity List” ของทางกรม รวมทั้งประกาศบังคับใช้มาตรการใหม่ในการควบคุมการส่งออกสำหรับเครื่องจักรอุปกรณ์การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ 24 แบบ, เครื่องมือทางซอฟต์แวร์สำหรับการพัฒนาหรือการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และชิปความจำแบนด์วิดธ์สูง (high-bandwidth memory หรือ HBM) 3 แบบ

รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ จินา ไรมอนโด (Gina Raimondo) อธิบายว่า “การปฏิบัติการคราวนี้คือการไปถึงจุดสูงสุดในวิธีการแบบมีการกำหนดเป้าหมายชัดเจนของคณะบริหารไบเดน-แฮร์ริส โดยมีการประสานงานกับพวกพันธมิตรและหุ้นส่วนของเรา เพื่อสร้างความเสียหายให้แก่ความสามารถของสาธารณรัฐประชาชนจีนในการผลิตบรรดาเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นในท้องถิ่น ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงแก่ความมั่นคงแห่งชาติของเรา”

เธอกล่าวว่า การควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯด้วยความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้นอีกเช่นนี้ เป็นการตอกย้ำฐานะการมีบทบาทเป็นแกนกลางของกระทรวงพาณิชย์ ในการปฏิบัติให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในขอบเขตที่กว้างไกลยิ่งขึ้นไปอีกของสหรัฐฯ

อันที่จริง พวกสื่อตะวันตกได้รายงาน [6] เกี่ยวกับมาตรการควบคุมใหม่ๆ เหล่านี้ทั้งหมดของสหรัฐฯมาก่อนแล้วในระยะสองสามเดือนที่ผ่านมา ทว่าได้มีการเลื่อนการประกาศใช้ออกไปจนกระทั่งถึงเดือนนี้ เนื่องจากสหรัฐฯต้องปรึกษาหารือกับเหล่าพันธมิตรของตน เป็นต้นว่า ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน [7], และเนเธอร์แลนด์ [8]

สำหรับปฏิกิริยาของปักกิ่ง หลิน เจี้ยน โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีนได้แถลง [9] ในวันที่ 3 ธันวาคมว่า “จีนได้ยื่นประท้วงอย่างจริงจังต่อสหรัฐฯ จากการที่พวกเขาได้มีการปรับปรุงอีกครั้งหนึ่ง ในเรื่องการควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ และการแซงก์ชั่นเล่นงานพวกบริษทจีน ตลอดจนการกดขี่อย่างประสงค์ร้ายต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน”

บทความชิ้นหนึ่ง [10] ที่เผยแพร่โดย คิง แอนด์ วูด มัลเลซันส์ (King & Wood Mallesons) สำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งซึ่งตั้งฐานอยู่ในปักกิ่ง กล่าวว่า การแบนชิปรอบล่าสุดของสหรัฐฯคราวนี้มีขอบเขตครอบคลุมกว้างขวางมาก โดยที่มีกิจการสาขาของพวกผู้ผลิตชิปจำนวนมาก, ผู้ผลิตชิปจีนที่เป็นรัฐวิสาหกิจ 20 กว่าแห่ง, และกิจการด้านการลงทุน 2 แห่งถูกแซงก์ชั่น

บทความนี้บอกว่า คำสั่งนี้แสดงให้เห็นว่าคณะบริหารไบเดนมีความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเพลเยอร์ตัวหลักๆ ในภาคชิปของจีน และระบุด้วยว่าการดำเนินงานของพวกผลิตชิปจีนบางรายจะเกิดการสะดุดติดขัดขึ้นในระยะสั้น

หย่ง เจี้ยน เป็นผู้ร่วมเขียนรายงานข่าวส่งให้แก่เอเชียไทมส์ เขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวจีนที่ชำนาญเป็นพิเศษในเรื่องเทคโนโลยี, เศรษฐกิจ, และการเมืองของจีน

เชิงอรรถ
[1] https://baijiahao.baidu.com/s?id=1817417534586436439
[2] https://finance.sina.com.cn/tech/roll/2024-12-05/doc-incympzk9547508.shtml
[3] https://www.163.com/dy/article/JIJD5M140553OOJH.html
[4]https://www.mofcom.gov.cn/zwgk/zcfb/art/2024/art_3d5e990b43424e60828030f58a547b60.html
[5] https://www.bis.gov/press-release/commerce-strengthens-export-controls-restrict-chinas-capability-produce-advanced
[6] https://asiatimes.com/2024/11/beijing-vows-retaliation-if-biden-curbs-chinese-chip-firms-again/
[7] https://asiatimes.com/2024/10/huawei-uses-tsmc-loophole-to-bypass-us-chip-ban/
[8] https://asiatimes.com/2024/09/china-threatens-retaliation-against-dutch-japanese/
[9]https://www.fmprc.gov.cn/fyrbt_673021/jzhsl_673025/202412/t20241203_11537523.shtml
[10] https://www.kwm.com/cn/zh/insights/latest-thinking/us-semiconductor-export-control-measures-in-dec-2024-and-type-of-chinese-entities-on-the-entity-list.html
กำลังโหลดความคิดเห็น