รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - โมฮัมเหม็ด อัล-บาชีร์ (Mohammed al-Bashir) ได้รับการหนุนหลังจากกบฏซีเรียถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีรัฐบาลชุดเปลี่ยนผ่านวันอังคาร (11 ธ.ค.) ขณะที่ผู้นำอิสราเอล เบนจามินเนทันยาฮู ขึ้นศาลไต่สวนคดีคอร์รัปชันเป็นครั้งแรกวันเดียวกันอ้างตกเป็นเหยื่อล่าแม่มดเพราะนโยบายสายเหยี่ยวของตัวเอง ผู้นำจิตวิญญาณสูงสุดอิหร่าน อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ออกแถลงครั้งแรก การล่มสลายไม่ได้ทำให้เตหะรานอ่อนแอ ชี้สหรัฐฯ อิสราเอล และตุรกี เป็นตัวการอยู่เบื้องหลังการโค่นล้ม
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (11 ธ.ค.) ว่า โมฮัมเหม็ด อัล-บาชีร์ (Mohammed al-Bashir) ซึ่งเคยเป็นผู้นำรัฐบาลท้องถิ่นทางตะวันตกเฉียงเหนือพื้นที่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มกบฏซีเรียและไม่เป็นที่รู้จักมากนักในวันอังคาร (11) ได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีซีเรียเปลี่ยนผ่านหลังการล่มสลายของอดีตผู้นำเผด็จการ ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด
โดยในแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ครั้งแรกเขาประกาศว่า เขาจะดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลซีเรียชุดเปลี่ยนผ่านไปจนถึงวันที่ 1 มี.ค.
รอยเตอร์รายงานว่า อัล-บาชีร์ก่อนหน้าที่จะขึ้นเป็นนายกฯ รักษาการซีเรีย เขาดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำรัฐบาลซีเรียซัลเวชัน (Syrian Salvation Government) ของกลุ่มกบฏอยู่ก่อนหน้า
“ในวันนี้พวกเราประชุมคณะ ครม.ที่รวมทีมมาจากรัฐบาลซัลเวชันที่ทำงานในเมืองอิดลิบและใกล้เคียง และรัฐบาลของอดีตผู้นำที่ถูกโค่นไป” ผู้นำซีเรียคนใหม่กล่าว
เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า ผู้นำคนใหม่ให้สัมภาษณ์กับสื่ออิตาลีว่า เป้าหมายหลักของรัฐบาลชั่วคราวซีเรียคือความมั่นคง เสถียรภาพ และการเดินทางกลับบ้านของผู้อพยพซีเรียจากทั่วโลก พร้อมชี้ว่า สถานการณ์ทางการเงินของซีเรียยากลำบากเนื่องจากในคลังมีแต่สกุลเงินตัวเองที่มีค่าไม่ต่างจากเศษกระดาษ
รอยเตอร์รายงานว่า อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ ยังไม่ไว้วางใจในกลุ่มกบฏซีเรียภายใต้กลุ่ม HTS ที่มีหลายประเทศประกาศให้เป็นกลุ่มก่อการร้าย
โดยอิสราเอลภายใน 48 ชม. สามารถโจมตีทำลายขุมกำลังทางยุทธศาสตร์ทางการทหารของอดีตประธานาธิบดีอัสซาด รวมถึงกองเรือรบซีเรีย ไปได้ถึง 80% เป็นการโจมตีทางอากาศ 350 จุดในปฏิบัติการ “Bashan Arrow” อ้างอิงจากแถลงการณ์กองทัพอิสราเอลวันอังคาร (11) ในรายงานของไทม์สออฟอิสราเอล
การล่มสลายของซีเรียภายใน 12 วันนี้ผู้นำจิตวิญญาณสูงสุดอิหร่าน อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ประกาศว่า มีสหรัฐฯ อิสราเอล สมคบกับตุรกี
ไทม์สออฟอิสราเอลรายงานว่า ในการแถลง คาเมเนอีกล่าวยืนยันว่า เตหะรานไม่ได้ถูกทำให้อ่อนแอจากการที่ดามัสกัสตกอยู่ใต้การควบคุมของกบฏซีเรีย และเตหะรานพร้อมที่จะแสวงหาความเป็นเพื่อนจากประเทศแห่งนี้
สื่อยิวรายงานว่า เป็นการออกมากล่าวต่อสาธารณะครั้งแรกของผู้นำสูงสุดอิหร่านหลังการล่มของดามัสกัสวันอาทิตย์ (8)
“ไม่สมควรจะต้องสงสัยถึงสิ่งที่เกิดในซีเรียนั้นถูกวางในห้องกองบัญชาการของสหรัฐฯ และอิสราเอล พวกเรามีหลักฐานสำหรับสิ่งนี้”
และ “หนึ่งในเพื่อนบ้านของซีเรียนั้นมีบทเป็นผู้เล่น”
คาเมเนอีกล่าวต่อโดยอ้างอิงไปถึง “ตุรกี” และกล่าวว่า “แต่ผู้วางแผนแรกเริ่มนั้นเป็นสหรัฐฯ และรัฐบาลไซออนนิสต์”
CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า และในวันอังคาร (11) ยังเป็นวันที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ปรากฏตัวขึ้นศาลเทลอาวีฟนัดพิจารณาไต่สวนนัดแรกของคดีมหากาพย์คอร์รัปชันที่อื้อฉาวของเขา
เนทันยาฮูอ้างว่า ตัวเขาตกเป็นเหยื่อการตามไล่ล่าแม่มดจากนโยบายความมั่นคงสายเหยี่ยวแดนแห่งพันธสัญญาของเขาเอง
"ผมเฝ้ารอมา 8 ปีเพื่อช่วงเวลานี้ที่จะได้พูดความจริง" เนทันยาฮูให้การต่อหน้าคณะผู้พิพากษา 3 ท่าน
พร้อมเสริมว่า "แต่ผมนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีในเวลาเดียวกัน..ผมนำประเทศผ่านสงคราม 7 ด้าน และผมคิดว่า 2 ด้านสามารถทำได้แบบคู่ขนาน"
โดยในการแถลงที่ยืดยาว เนทันยาฮูแสดงตัวเองว่าเป็นผู้ปกป้องความมั่นคงอิสราเอล ต้องเผชิญความกดดันจากระหว่างประเทศและการเป็นปรปักษ์ต่อในประเทศ
ทั้งนี้ในคดีคอร์รัปชัน อัยการอิสราเอลกล่าวหา เนทันยาฮูไฟเขียวการกำกับเอื้อ Bezeq Telecom Israel คิดเป็นมูลค่า 1.8 พันล้านอิสราเอลเชเคล (500 ล้านดอลลาร์ ) เพื่อแลกจากการที่เว็บไซต์สื่อในการควบคุมจะเสนอข่าวที่เป็นบวกกับตัวเขาและภรรยา
ในวันอังคาร (11) ผู้นำอิสราเอลที่ยืนเป็นส่วนใหญ่มากกว่านั่งในคอกพยานปฏิเสธคดีความเหล่านั้น และแถลงไม่ยอมรับความผิดตามข้อกล่าวหาต่อหน้าศาล