รัฐบาลประกาศเปิดการสอบสวนบริษัท Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ ฐานมีพฤติกรรมต้องสงสัยเข้าข่ายละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด (anti-monopoly law) เมื่อวันจันทร์ (9 ธ.ค.) ในความเคลื่อนไหวซึ่งถูกมองว่าเป็นการแก้เผ็ดที่สหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการสกัดกั้นชิปจีนระลอกที่ 3
ถ้อยแถลงจากสำนักงานบริหารภาครัฐเพื่อการควบคุมตลาดของจีน (State Administration for Market Regulation) ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปเอไอและชิปเกมชั้นนำของโลกได้กระทำสิ่งใดที่อาจละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
หน่วยงานแห่งนี้ยังระบุด้วยว่า Nvidia ต้องสงสัยว่าละเมิดข้อกำหนดต่างๆ ที่ทางหน่วยงานได้กำหนดเอาไว้เป็นเงื่อนไขสำหรับการอนุมัติให้ Nvidia ซื้อกิจการ Mellanox Technologies บริษัทออกแบบชิปสัญชาติอิสราเอลในปี 2020
ราคาหุ้น Nvidia ดิ่งลง 2.5% ในวันจันทร์ (9) ขณะที่โฆษกยืนยันว่า บริษัททำงานอย่างหนัก “เพื่อมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้แก่ทุกภูมิภาค เรารักษาคำมั่นสัญญาในทุกที่ที่เราทำธุรกิจ และพร้อมที่จะตอบทุกข้อสงสัยของหน่วยงานกำกับดูแล”
การสอบสวนนี้มีขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้เปิดศึกกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนครั้งที่ 3 ในรอบ 3 ปี โดยจำกัดการส่งออกชิปและอุปกรณ์การผลิตไปยังบริษัทจีน 140 แห่ง รวมถึงบริษัท Naura Technology Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปชั้นนำของแดนมังกร
บ็อบ โอดอนเนลล์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก TECHnalysis Research ชี้ว่า “มัน (การสอบสวนของจีน) ไม่น่าจะมีผลกระทบมากนักต่อ Nvidia โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะใกล้ เนื่องจากชิปรุ่นก้าวหน้าของ Nvidia เกือบทั้งหมดถูกห้ามส่งออกไปจีนอยู่แล้ว”
หลังจากที่ ไบเดน ออกคำสั่งได้ไม่นานนัก ปักกิ่งก็โต้กลับอย่างแรงด้วยการห้ามส่งออกแร่ธาตุหายากอย่างแกลเลียม เจอร์เมเนียม และแอนติโมนี (พลวง) ให้สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าจีนพร้อมที่สู้กลับแบบไม่ออมมือเช่นกัน
ในวันเดียวกัน สมาคมอุตสาหกรรมหลัก 4 แห่งของจีนได้ออกคำแถลงอย่างพร้อมเพรียงซึ่งนานๆ จะมีสักครั้ง โดยเตือนบริษัทจีนทั้งหลายว่าชิปของอเมริกา “ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป” และสนับสนุนให้ใช้ชิปที่จีนผลิตได้เอง
Nvidia ถือเป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่โดนลูกหลงจากสงครามชิประหว่างสหรัฐฯ กับจีนเรื่อยมา โดยรอบที่แล้วสหรัฐฯ ก็ห้ามไม่ให้ Nvidia ขายชิปเอไอรุ่นก้าวหน้าที่สุดให้จีน จนทำให้บริษัทต้องผลิตชิปรุ่นใหม่เวอร์ชันสำหรับจีนโดยเฉพาะ เพื่อให้ผ่านมาตรการควบคุมส่งออกของวอชิงตันได้
Nvidia เคยครองตลาดชิปเอไอในจีนมากกว่า 90% ก่อนที่สหรัฐฯ จะมีคำสั่งห้ามส่งออก แต่ปัจจุบันก็เริ่มมีผู้ผลิตจีนที่ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งหลายราย โดยเฉพาะหัวเว่ย (Huawei)
ตลาดจีนคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 17% ของ Nvidia ในช่วง 1 ปีจนถึงเดือน ม.ค. ปีนี้ ลดลงจากสถิติ 26% ในช่วง 2 ปีก่อนหน้า
ในปี 2020 Nvidia ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และจีนในการเข้าซื้อกิจการ Mellanox Technologies ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์สัญชาติอิสราเอล-อเมริกัน แม้ในขณะนั้นจะมีความกังวลกันว่าปักกิ่งอาจเอาข้อพิพาทการค้าสหรัฐฯ มาเป็นเหตุในการขัดขวางดีลนี้ก็ตาม
ในการให้ไฟเขียวครั้งนี้ จีนได้ตั้งเงื่อนไขเอาไว้หลายอย่างสำหรับปฏิบัติการของ Nvidia ในจีน ได้แก่ ห้ามบังคับขายพ่วงสินค้า (forced product bundling) ห้ามตั้งเงื่อนไขการค้าที่ไม่สมเหตุสมผล ห้ามตั้งข้อจำกัดในการซื้อ และห้ามเลือกปฏิบัติกับลูกค้าที่ต้องการซื้อผลิตภัณฑ์แยก
ก่อนหน้านี้ จีนเคยเปิดสอบสวนบริษัทลูกของควอลคอมม์ (Qualcomm) ในปี 2013 ฐานต้องสงสัยว่าตั้งราคาสูงเกินไป (overcharging) และใช้สถานะความเป็นผู้นำตลาดอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งต่อมาทางควอลคอมม์ได้ยอมชำระค่าปรับเป็นเงิน 975 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และถือเป็นค่าปรับที่สูงสุดที่สุดเท่าที่จีนเคยลงโทษบริษัทใดๆ มาในขณะนั้น
ที่มา : รอยเตอร์