xs
xsm
sm
md
lg

ว้าวุ่น!! ตะวันออกกลางอลหม่าน หลังกบฏเข้ายึดดามัสกัส ซีเรียฉลองเสรีภาพ อัสซาดหลบหนีหวุดหวิด บางข่าวบอกเครื่องบินถูกสอยร่วง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชายผู้หนึ่งที่กำลังถือข้าวของอยู่ในมือ เดินผ่านภาพเหมือนที่แตกหักเสียหายของ ฮาเฟซ อัสซาด อดีตประธานาธิบดีซีเรียผู้ล่วงลับ ที่เป็นบิดาของ บาชาร์ อัล อัสซาด ขณะที่ผู้คนพากันเข้าไปรื้อค้นและหยิบฉวยข้าวของในที่พำนักส่วนตัวของประธานาธิบดีซีเรีย ในเขตมัลเคห์ ของกรุงดามัสกัส เมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.)
ชาวซีเรียฉลองใหญ่ หลังฝ่ายกบฏรุกสายฟ้าแลบ เข้ายึดกรุงดามัสกัสอย่างง่ายดายเมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ปิดฉากการปกครองเผด็จการรวบอำนาจของตระกูลอัสซาดที่ดำเนินมากว่าครึ่งศตวรรษ ขณะเดียวกัน ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมถึงพันธมิตรสำคัญของซีเรียอย่างรัสเซียและอิหร่าน ขณะที่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดขึ้นเครื่องบินหนีหายไปจากเมืองหลวงตั้งแต่เช้าวันเดียวกัน โดยข่าวบางกระแสระบุว่าเครื่องบินลำดังกล่าวอาจถูกสอยร่วง





ฝ่ายกบฏระบุว่า พวกเขาสามารถเข้าสู่เมืองหลวงซีเรียได้โดยไม่พบสัญญาณใดๆ ว่ามีกองทหารใดๆ ของกองทัพประจำการอยู่ในกรุงดามัสกัสเลย ขณะที่มีผู้คนนับพันรวมตัวฉลองที่จัตุรัสหลักในดามัสกัสพร้อมตะโกนว่า “เสรีภาพ” จากการปกครองของตระกูลอัสซาดที่ส่งทอดจากบิดาของเขามายัง บาชาร์ อัล-อัสซาด รวมแล้วเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ

พวกผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า มีผู้คนส่วนหนึ่งเดินเข้าไปข้างในทำเนียบประธานาธิบดีอัล-รอว์ดา โดยบางคนฉวยโอกาสขนเฟอร์นิเจอร์กลับออกมาด้วย ส่วนฝ่ายกบฏระบุว่าได้ปลดปล่อยนักโทษออกจากเรือนจำใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ชานกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งรัฐบาลซีเรียใช้กักกันผู้คนหลายพันคน

ทางด้าน อบู โมฮัมเหม็ด อัล-กอลานี ผู้บัญชาการของฝ่ายกบฏ แถลงว่า ไม่มีช่องทางใดๆ หลงเหลืออยู่อีกแล้วสำหรับการหวนกลับไปที่เดิม และกลุ่มของเขามีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางที่พวกเขาเริ่มเอาไว้ในปี 2011 ซึ่งหมายถึงการที่ฝ่ายค้านกลุ่มต่างๆ ของซีเรียลุกฮือขึ้นคัดค้านระบอบปกครองอัสซาด ในช่วงเวลาเดียวกับที่เกิดกระแส “อาหรับสปริง” ในตะวันออกกลาง

“อนาคตอยู่ที่พวกเรา” เขาระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งที่นำออกอ่านทางโทรทัศน์แห่งรัฐของซีเรีย ภายหลังกองกำลังของเขาเข้ายึดดามัสกัสไว้ได้

สำหรับชะตากรรมของอัสซาด ผู้ซึ่งไม่ได้ออกมาแถลงอะไรต่อสาธารณชนเลย ตั้งแต่ที่ฝ่ายกบฏเปิดฉากรุกสายฟ้าแลบในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีนายทหารอาวุโสของกองทัพซีเรีย 2 รายบอกกับรอยเตอร์ว่า ได้หลบหนีออกจากเมืองหลวงดามัสกัส ไปยังสถานที่ซึ่งไม่มีการเปิดเผย ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ของวันอาทิตย์แล้ว

ทว่าเวลานี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่ รวมทั้งชะตากรรมของ อัสมา ภรรยาของเขา และลูกๆ อีก 2 คนเป็นอย่างไร ล้วนไม่เป็นที่ทราบกัน กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียนั้นแถลงเพียงว่า อัสซาดได้ออกจากที่ทำงานไป และเดินทางออกนอกประเทศภายหลังออกคำสั่งให้มีการส่งมอบอำนาจอย่างสันติ

ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในดามัสกัส เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกลุ่มกบฏประกาศว่า ได้เข้ายึดฮอมส์ ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์และอยู่บนเส้นทางสู่เมืองหลวงของซีเรีย เพิ่มเติมจากที่ยึดเมืองใหญ่อย่างอะเลปโปและฮามาได้ก่อนหน้านี้เมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

แนวร่วมของกลุ่มกบฏซีเรีย ออกแถลงการณ์ระบุว่า หลังจากกว่า 50 ปีแห่งการกดขี่ภายใต้พรรคบาธของตระกูลอัสซาด และ 13 ปีแห่งอาชญากรรม ระบอบทรราชย์ และการบังคับย้ายถิ่นฐาน เมื่อสงครามกลางเมืองในซีเรียระเบิดขึ้น ขณะนี้ ยุคมืดได้สิ้นสุดลงแล้วและซีเรียกำลังจะเริ่มต้นยุคใหม่

กลุ่มกบฏยังประกาศว่า จะดำเนินการเพื่อถ่ายโอนอำนาจให้แก่รัฐบาลชั่วคราว และสำทับว่า การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของซีเรียเริ่มต้นจากการต่อสู้อย่างยากลำบากจนกระทั่งสามารถโค่นล้มระบอบอัสซาด และต่อไปคือการฝ่าฟันเพื่อสร้างซีเรียที่ควรค่าสำหรับความเสียสละของประชาชน

พวกนักรบฝ่ายกบฏเฉลิมฉลองความสำเร็จของฝ่ายตนในการเข้ายึดกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.)

นักรบฝ่ายกบฏผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้านในของห้องทำงาน ณ ทำเนียบประธานาธิบดีซีเรีย ในกรุงดามัสกัส ภายหลังรัฐบาลบาชาร์ อัล อัสซาด ล้มครืน เมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.)
ผ่องถ่ายอำนาจราบรื่น?

อย่างไรก็ดี เป้าหมายดังกล่าวจะกระทำได้ ต้องการการถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่นในประเทศที่มีผลประโยชน์ขัดแย้งอย่างซับซ้อน ตั้งแต่กลุ่มอิสลามิสต์ที่ยึดโยงกับหลักศาสนาอย่างเคร่งครัด ไปจนถึงกลุ่มต่างๆ ซึ่งมีทั้งพวกที่เชื่อมโยงกับอเมริกา กับรัสเซีย และอิหร่าน และกับตุรกี

การล่มสลายของรัฐบาลอัสซาดยังถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญสำหรับตะวันออกกลาง และบ่อนทำลายรัสเซียและอิหร่านที่ต่างสูญเสียพันธมิตรหลักในภูมิภาคนี้ อีกทั้งทำให้สถานการณ์การสู้รบในกาซาไร้ความแน่นอนมากขึ้น

ชัยชนะอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์คราวนี้ เริ่มต้นขึ้นหลังจาก ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มกบฏซีเรีย เริ่มปฏิบัติการท้าทายรัฐบาลอัสซาด ยังทำให้บรรดาประเทศอาหรับประหลาดใจและกังวลมากขึ้นว่า ตะวันออกกลางกำลังจะเผชิญความไร้เสถียรภาพระลอกใหม่

ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังจับตาสถานการณ์พิเศษในซีเรียอย่างใกล้ชิด

ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียลของตนเองว่า อัสซาดเผ่นแล้ว และผู้อารักขาอย่างรัสเซียที่นำโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่สนใจปกป้องอดีตผู้นำซีเรียผู้นี้อีกต่อไป

สำหรับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้ทีสำทับว่า การล้มคว่ำของอัสซาดเกิดขึ้นมาได้เป็นผลโดยตรงจากการที่อิสราเอลโจมตีอย่างรุนแรงใส่อิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เป็นพันธมิตรของอิหร่าน

ขณะที่ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส บอกว่า “รัฐป่าเถื่อนได้ล้มคว่ำลงแล้ว” พร้อมกับแสดงความคารวะแด่ประชาชนชาวซีเรีย

ด้านจอร์แดน อเมริกา และรัสเซีย ต่างเรียกร้องให้พลเมืองของตนเดินทางออกจากซีเรียโดยเร็วที่สุด

ในส่วนอิหร่าน เพรสส์ทีวี ที่เป็นสื่อภาษาอังกฤษของอิหร่านรายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำซีเรีย ได้ถูกพวกกบฏบุกเข้าไปข้างใน ทั้งนี้ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ซึ่งเป็นกองกำลังชั้นนำของรัฐอิสลามแห่งนี้ มีบทบาทอย่างมากในการสนับสนุนรัฐบาลอัสซาดในซีเรีย และเวลานี้ตกเป็นเป้าหมายถูกโจมตีจากกองทัพอิสราเอล

แต่กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน แสดงปฏิกิริยาแบบบันยะบันยัง โดยแถลงว่า ชะตากรรมของซีเรียเป็นความรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวของประชาชนชาวซีเรีย และควรที่จะดำเนินไปโดยปราศจากการบงการของต่างชาติ หรือการแทรกแซงมุ่งสร้างความเสียหายของต่างชาติ

ในส่วนของกองกำลังฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งมีฐานอยู่ในเลบานอน แต่ก็ให้ความสนับสนุนอย่างสำคัญยิ่งแก่อัสซาดมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว มีรายงานว่าได้ถอนกองกำลังทั้งหมดของตนออกจากซีเรียตั้งแต่วันเสาร์ (7) ขณะที่พวกกบฏหลายกลุ่มรุกคืบเข้าใกล้กรุงดามัสกัส ทั้งนี้แหล่งข่าวความมั่นคงเลบานอน 2 รายบอกกับรอยเตอร์ในวันอาทิตย์ (8)

ทางด้านแหล่งข่าวด้านความมั่นคงของอิรักเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า แบกแดดอนุญาตให้ทหารซีเรียหลายร้อยนายที่หนีมาจากแนวรบผ่านจุดผ่านแดนอัล-กาอิมเข้าสู่อิรัก และแหล่งข่าวอีกรายระบุว่า ทหารซีเรียที่หนีทัพมีจำนวนถึง 2,000 นาย ซึ่งรวมถึงระดับนายทหาร

สำหรับอิสราเอลที่บ่อนทำลายพันธมิตรของอิหร่านคือกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนและฮามาสในกาซาจนตั้งตัวไม่ติดนั้น แม้น่าจะยินดีกับการโค่นล้มอัสซาดที่เป็นพันธมิตรสำคัญของเตหะราน แต่ก็อาจกังวลมากขึ้นเนื่องจากมีแนวโน้มว่า กลุ่มอิสลามิสต์คือ เอชทีเอส อาจรับช่วงปกครองซีเรียต่อไป

เหตุการณ์นี้เป็นจุดเปลี่ยนสำหรับซีเรียที่เผชิญสงครามกลางเมืองมากว่า 13 ปีที่ทำให้หลายเมืองกลายเป็นผุยผง ประชาชนล้มตายหลายแสนคน และอีกหลายล้านคนแปรสภาพเป็นผู้อพยพในประเทศต่างๆ

การฟื้นเสถียรภาพดินแดนด้านตะวันตกของซีเรีย ที่ฝ่ายกบฏเข้ายึดครองได้อย่างรวดเร็วระหว่างการบุกสายฟ้าแลบคราวนี้ จะกลายเป็นภารกิจสำคัญ โดยรัฐบาลตะวันตกที่หันหลังให้รัฐบาลอัสซาดมาแรมปี ต้องตัดสินใจว่า จะรับมืออย่างไรกับคณะบริหารใหม่ที่มีแนวโน้มว่า จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของเอชทีเอสที่ทั่วโลกระบุว่า เป็นกลุ่มก่อการร้าย

เอชทีเอสที่เป็นหัวหอกการบุกทั่วฝั่งตะวันตกของซีเรีย เคยอยู่ในเครือข่ายอัล กออิดะห์ มาก่อน โดยใช้ชื่อว่า อัลนุสรา ฟรอนต์ จนกระทั่งอาบู โมฮัมเหม็ด อัล-โกลานี ผู้นำกลุ่ม ประกาศตัดขาดจากอัล กออิดะห์เมื่อปี 2016

พวกเขายังคงเป็นกลุ่มกบฏที่แข็งแกร่งที่สุดในซีเรีย และชาวซีเรียบางส่วนยังหวาดกลัวว่า กลุ่มนี้จะใช้นำเอาระเบียบกฎหมายเข้มงวดและโหดๆ แบบอิสลามิสต์มาบังคับใช้ หรือไม่ก็จุดชนวนการแก้แค้นเอาคืนกับผู้ที่เคยเป็นปรปักษ์กับพวกเขามาก่อน

นอกจากนั้น เอชทีเอส ยังอาจถูกต่อต้านจากพวกมหาอำนาจในตะวันออกกลาง เนื่องจากบางประเทศอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และอียิปต์ที่ล้วนเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับอเมริกา มองว่า กลุ่มนักรบอิสลามิสต์ทั้งหลายเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของพวกเขา

ผู้คนกลุ่มหนึ่งถ่ายภาพหมู่ขณะนั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงแห่งหนึ่ง ภายในทำเนียบประธานาธิบดีของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ในกรุงดามัสกัส เมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.)

นักรบฝ่ายกบฏยกเท้าเหยียบบนศีรษะของรูปปั้นครึ่งตัวของอดีตประธานาธิบดีฮาเฟซ อัสซาด ที่อยู่ในสภาพแตกหักเสียหาย ในกรุงดามัสกัส วันอาทิตย์ (8 ธ.ค.)
ลืออัสซาดอาจเสียชีวิต

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากเว็บไซต์ไฟล์เรดาร์ ที่คอยติดตามเที่ยวบินต่างๆ ทั่วโลก ระบุว่า มีเครื่องบินลำหนึ่งขึ้นจากสนามบินดามัสกัสในเวลาเดียวกับที่มีรายงานว่า กลุ่มกบฏเข้ายึดเมืองหลวงของซีเรีย โดยแรกทีเดียวนั้นเครื่องบินลำดังกล่าวมุ่งหน้าไปทางเขตชายฝั่งที่เป็นที่มั่นของนิกายอะลาวีของอัสซาด ก่อนที่จะกลับลำกะทันหันและบินไปในทิศทางตรงข้ามในเวลาไม่กี่นาทีก่อนที่เครื่องจะหายไปจากแผนที่

รอยเตอร์ระบุว่า ไม่สามารถยืนยันได้ว่า มีใครอยู่บนเครื่องบินลำนั้น แม้เจ้าหน้าที่อาวุโส 2 คนของกองทัพอากาศซีเรียเผยว่า อัสซาดขึ้นเครื่องบินจากดามัสกัสไปยังจุดหมายปลายทางที่ไม่ระบุเมื่อเช้าวันอาทิตย์ก็ตาม

ขณะที่แหล่งข่าวในซีเรียสองคนเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า มีความเป็นไปได้สูงว่า อัสซาดที่ปราบปรามการต่อต้านรัฐบาลทุกรูปแบบ อาจเสียชีวิตจากเครื่องบินตก เนื่องจากไม่สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดเครื่องบินจึงกลับลำกะทันหันและหายไปจากแผนที่

อย่างไรก็ดี อันวาร์ การ์กาช ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเออี ปฏิเสธที่จะยืนยันหรือปฏิเสธข่าวลือที่ว่า อัสซาดขอลี้ภัยในยูเออี แต่แสดงความหวังว่า ประชาชนซีเรียจะร่วมมือกันเพื่อไม่ให้ประเทศกลับสู่สถานการณ์สับสนอลหม่านอีก

(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น