สายฟ้าแลบของจริง! กบฏซีเรียยึด ‘ฮามา’ เมืองใหญ่อีกแห่งสำเร็จ เปิดถนนมุ่งสู่เมืองหลวงดามัสกัส ด้านกองทัพยอมรับต้องถอยออกไปตั้งหลัก

กบฏซีเรียสามารถขับไล่กองกำลังโปรรัฐบาลออกจากเมืองฮามา เมืองใหญ่ทางภาคตะวันตกตอนกลางของประเทศได้สำเร็จในวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.) ทำให้กองกำลังต่อต้านรัฐบาลได้รับชัยชนะสำคัญครั้งใหม่อีกคำรบหนึ่ง หลังจากเปิดฉากรุกสายฟ้าแลบทั่วภาคเหนือของซีเรีย และตีกระหน่ำครั้งใหญ่ใส่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัซซาด ตลอดจนรัสเซียและอิหร่านที่เป็นพันธมิตรของเขา

กองทัพซีเรียประกาศยอมรับว่า ฝ่ายกบฏเข้าเมืองฮามาได้แล้วหลังเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือด พร้อมระบุว่าพวกเขาได้ถอยออกมาจัดกำลังกันใหม่ที่บริเวณนอกเมือง “เพื่อสงวนรักษาชีวิตพลเรือน และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการสู้รบภายในตัวเมืองขนาดใหญ่”

ด้านกบฏแจ้งว่า พวกเขาได้เข้ายึดเขตต่างๆ ในบริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือของฮามาไว้ได้ รวมทั้งเข้ายึดเรือนจำกลางและปลดปล่อยผู้ต้องขัง

โทรทัศน์อัล จาซีรา ของดูไบ ได้แพร่ภาพสิ่งที่สถานีทีวีแห่งนี้บอกว่า เป็นภาพของพวกกบฏที่อยู่ภายในเมืองฮามา โดยที่พวกเขาบางส่วนกำลังพบปะกับพลเรือนที่เตร็ดเตร่อยู่ใกล้ๆ ขณะที่พวกนักรบคนอื่นๆ ขับยานยนต์ทหารตลอดจนขี่รถจักรยานยนต์

ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสามารถบุกเข้ายึดเมืองอะเลปโป ซึ่งเป็นเมืองหลักทางภาคเหนือของซีเรียได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และจากนั้นก็กดดันรุกลงใต้จากที่มั่นของพวกเขาในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือซีเรีย จนมาถึงภูเขาทางยุทธศาสตร์ลูกหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ ตอนเหนือของฮามาในวันอังคาร (3) หลังจากนั้นก็บุกเข้าสู่ปีกทางตะวันออกและปีกทางตะวันตกของเมืองใหญ่แห่งนี้ในวันพุธ (4)

ฮามาอยู่ในกำมือฝ่ายรัฐบาลตลอดระยะเวลาที่เกิดสงครามกลางเมืองในซีเรียซึ่งปะทุขึ้นในปี 2011 เมื่อเกิดการกบฏต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัซซาด การที่ในคราวนี้ฮามาแตกและตกไปอยู่ในความครอบครองของการก่อความไม่สงบที่กลับฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ จึงเป็นการส่งคลื่นความตื่นตระหนกไปทั่งทั้งรัฐบาลซีเรียในกรุงดามัสกัส ตลอดจนพวกพันธมิตรที่คอยสนับสนุนอย่างรัสเซียและอิหร่าน

เมืองนี้ตั้งอยู่ประมาณกว่าหนึ่งในสามของเส้นทางจากอะเลปโปไปยังดามัสกัส การยึดเมืองนี้ได้จะเปิดให้ฝ่ายกบฏได้ถนนสายที่สามารถบุกหน้าต่อไปยังเมืองฮอมส์ เมืองหลักทางภาคกลางของประเทศซึ่งทำหน้าที่เป็นชุมทางต่อเชื่อมกับภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของซีเรีย

นอกจากนั้น ฮามายังมีความหมายยิ่งยวดสำหรับการควบคุม 2 ตำบลสำคัญที่มีชุมชนขนาดใหญ่ของชนกลุ่มน้อยทางศาสนา ได้แก่ มุห์ราดา ซึ่งเป็นบ้านของชาวคริสเตียนจำนวนมาก และซาลามิยะ ซึ่งมีชาวมุสลิมนิกายย่อยที่เรียกว่านิกายอิสไมลี อยู่เป็นจำนวนมาก

กลุ่มกบฏที่เปิดการรุกใหญ่คราวนี้ ประกอบด้วยกลุ่มต่างๆ หลายกลุ่ม โดยพวกที่ทรงอำนาจที่สุดได้แก่ ฮายัต ตอห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ที่เป็นกองกำลังของพวกอิสลามิสต์นิกายสุหนี่ ซึ่งเมื่อก่อนเป็นเครือข่ายของกลุ่มอัลกออิดะห์สาขาซีเรีย อบู โมฮัมเหม็ด อัล-กอลานี ผู้นำของเอชทีเอส ได้ให้คำมั่นว่าจะเคารพปกป้องพวกชนกลุ่มน้อยทางศาสนาของซีเรีย ทว่าผู้คนจำนวนมากยังคงหวาดกลัวพวกกบฏกลุ่มนี้อยู่ดี

เมื่อวันพุธ (4) กอลานี ได้เดินทางไปเยือนป้อมปราการเก่าแก่ของอะเลปโป ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์สำหรับพวกกบฏที่ได้ถูกขับไล่ออกจากเมืองนี้ไปในปี 2016 ภายหลังการถูกปิดล้อมและการสู้รบอย่างดุเดือดนานหลายเดือน นับเป็นความปราชัยครั้งใหญ่ที่สุดของพวกเขาในสงครามคราวนี้ ทั้งนี้ อะเลปโป เคยมีฐานะเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของซีเรียในช่วงก่อนสงคราม

เวลานี้ เอชทีเอส และกลุ่มกบฏอื่นๆ กำลังพยายามรวมศูนย์อำนาจการปกครองของพวกเขาในอะเลปโป โดยนำเอาเมืองนี้เข้าอยู่ใต้การบริหารของรัฐบาลที่เรียกกันว่า Salvation Government (รัฐบาลผู้ช่วยให้อยู่รอด) ที่พวกเขาก่อตั้งขึ้นในที่มั่นทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของพวกเขา

ชาวเมืองอะเลปโปหลายคนบอกว่า ในเมืองขาดแคลนขนมปังและน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่บริการสื่อสารโทรคมนาคมก็ถูกตัดขาด

รัสเซีย กับ อิหร่าน มีบทบาทสำคัญยิ่งยวดในความสำเร็จของอัซซัด ในการช่วงชิงคืนดินแดนซีเรียส่วนใหญ่และเมืองหลักๆ ทั้งหมดกลับคืนมาจากพวกกบฏกลุ่มต่างๆ เมื่อปี 2015-2020 เวลานี้ทั้งสองประเทศได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเหลือเขาอีก

ทว่า มอสโก เวลานี้ต้องโฟกัสอยู่ที่สงครามในยูเครน ขณะที่ ฮิซบอลเลาะห์ ที่เป็นพันธมิตรในภูมิภาครายสำคัญที่สุดของอิหร่าน ซึ่งได้แสดงบทบาทสำคัญยิ่งในการประคับประคองอัซซาดให้กลับแข็งแกร่งขึ้นมาในซีเรียได้ใหม่ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา เวลานี้เพิ่งประสบความปราชัยสูญเสียหนักให้แก่อิสราเอลในเลบานอน

อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าการโจมตีทางอากาศของรัสเซียต่อพื้นที่ต่างๆ ที่ฝ่ายกบฏยึดครองอยู่ทางตอนเหนือของซีเรีย ได้เพิ่มความดุเดือดเข้มข้นขึ้นมากในระยะสัปดาห์ที่ผ่ามา ขณะที่พวกกลุ่มกำลังอาวุธจากอิรักที่อิหร่านหนุนหลังอยู่ ก็ได้เข้าเสริมกำลังในบริเวณแนวหน้าแล้ว หลังจากนำนักรบข้ามชายแดนเข้าซีเรียมาเมื่อวันจันทร์ (2) ทั้งนี้ตามการเปิดเผยของพวกแหล่งข่าวทั้งที่เป็นชาวอิรักและชาวซีเรีย

(ที่มา : รอยเตอร์)