พรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้เตรียมโหวตญัตติถอดถอนประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ค่ำวันเสาร์ (7 ธ.ค.) นี้ นอกจากนั้น ตำรวจยังเปิดการสอบสวนข้อหากบฏกับยุน และรัฐมนตรีระดับสูงอีกหลายคน จากกรณีการประกาศกฎอัยการศึก 6 ชั่วโมงเมื่อคืนวันอังคาร (3)
การประกาศกฎอัยการศึกของยุนเมื่อกลางดึกวันอังคาร ภายใต้ข้ออ้างในการปกป้องประเทศจากภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ รวมทั้งขัดขวางการดำเนินการเพื่อปล้นเสรีภาพและความสุขของประชาชนของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ก่อนที่เขาต้องออกมายกเลิกในอีกราว 6 ชั่วโมงต่อมา หลังพวกสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสียงข้างมากลงมติให้เขาเพิกถอนประกาศ และเกิดการลุกฮือต่อต้านอย่างโกรธขึ้งของผู้คนจำนวนมาก ดรามาที่พลิกผันรวดเร็วอย่างชวนตื่นตะลึงนี้ กำลังถูกฝ่ายต่างๆ พิจารณาว่า แท้จริงแล้ว ยุนมีจุดประสงค์เพื่อกระชับอำนาจของตนเอง ห้ามฝ่ายค้านดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และปิดกั้นการรายงานข่าวของสื่อ
พวกพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปไตย (ดีพี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ มีการเคลื่อนไหวประท้วงยุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดำเนินการยื่นถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ขณะที่แนวร่วมสหภาพแรงงานก็เรียกร้องให้ประธานาธิบดีลาออก
ในวันพฤหัสฯ (5) โฆษกพรรคดีพี แถลงว่า สภามีกำหนดโหวตญัตติถอดถอนยุนกันในวันเสาร์เวลาประมาณ 19.00 น.
ตามรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้นั้น หากญัตติถอดถอนผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งระบบของโสมขาวมีเพียงสภาเดียว ยุนจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แล้วถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นชอบตามมติของสภา ยุนจะต้องออกจากตำแหน่ง จากนั้นต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน
คิม ซึง วอน สมาชิกรัฐสภาของพรรคดีพี แถลงต่อรัฐสภาในวันพฤหัสฯ ว่า การประกาศกฎอัยการศึกของยุนสร้างความสับสนและความหวาดกลัวให้ประชาชน
แต่ทางด้านฮัน ดอง ฮุน หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลนั้น ประกาศว่า แม้ตัวเขาเองเรียกร้องให้ยุนลาออกจากการประกาศกฎอัยการศึกโดยขัดรัฐธรรมนูญ แต่สมาชิกพีพีพีทั้ง 108 คนในสภา จะยังลงคะแนนคัดค้านญัตติถอดถอนของฝ่ายค้าน
เนื่องจากญัตติเช่นนี้ต้องได้เสียงสองในสามของรัฐสภา นั่นคือ 200 เสียงจากสมาชิกรัฐสภาทั้งสภาจำนวน 300 คน ขณะที่ฝ่ายค้านทั้งหมดมีเสียงรวมกัน 192 เสียง ดังนั้นจึงยังต้องการเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 8 เสียงจากสมาชิกพีพีพี เพื่อให้ญัตติถอดถอนผ่านความเห็นชอบ
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปนั้น ผลโพลล่าสุดที่จัดทำโดย รีลมิเตอร์ และนำออกเผยแพร่วันพฤหัสฯ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 73.6% สนับสนุนการถอดถอนยุน พร้อมกันนั้น ก็มีการนัดหมายจัดการชุมนุมประท้วงยุนอีกครั้งในช่วงเย็นวันพฤหัสฯ หลังจากมีการรวมตัวเช่นนี้มาแล้วในเย็นวันพุธ
ในอีกด้านหนึ่ง ยุนเก็บตัวเงียบภายหลังประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในตอนรุ่งสางวันพุธแล้ว และสำนักประธานาธิบดีแถลงว่าเขาไม่มีกำหนดออกคำแถลงใดๆ ในวันพฤหัสฯ กระนั้นก็เห็นชัดว่าเขายังคงพยายามหาทางยื้อเพื่ออยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก โดยในวันพฤหัสฯ สำนักประธานาธิบดีออกคำแถลงอีกฉบับหนึ่งระบุว่า ยุนยอมรับการลาออกจากตำแหน่งของรัฐมนตรีกลาโหม คิม ยอง ฮยุน และแต่งตั้งชอย บยอง ฮยอก เอกอัครราชทูตประจำซาอุดีอาระเบีย รับตำแหน่งแทน
ขณะเดียวกัน ตามการเปิดเผยของรัฐมนตรีมหาดไทย นายทหารอาวุโส และคำร้องถอดถอนประธานาธิบดีของฝ่ายค้าน มีการระบุตรงกันว่า รัฐมนตรีกลาโหม คิม ยอง ฮยุน เป็นคนแนะนำให้ยุนประกาศกฎอัยการศึก
นอกจากนั้น ในวันพฤหัสฯ คิม ซอน โฮ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ยังไปแถลงต่อรัฐสภาว่า คิม ยอง ฮยุน คือผู้สั่งการให้ส่งทหารไปยังรัฐสภา ขณะที่ตัวเขาไม่รู้เรื่องมาก่อนจนกระทั่งยุนประกาศกฎอัยการศึกแล้ว รัฐมนตรีช่วยผู้นี้ได้กล่าวขอโทษและขอแสดงความรับผิดชอบที่ไม่สามารถป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวได้
ในเวลาต่อมา พลเอกพัค อัน ซู เสนาธิการทหารบก ซึ่งเป็นผู้ที่ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อคืนวันอังคารระบุให้เป็นรักษาการผู้บัญชาการกองกำลังบังคับใช้กฎอัยการศึก ได้ออกมาแถลงว่า เพิ่งมารู้เรื่องการประกาศกฎอัยการศึกจากการปราศรัยถ่ายทอดสดทางทีวีของยุนในคืนวันอังคารพร้อมๆ กับประชาชนทั้งหลาย เขายังยืนยันว่า ไม่มีเจตนาใช้อาวุธปืนกับผู้ชุมนุม ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีช่วยกลาโหมช่วยยืนยันอีกคนว่า ไม่มีการแจกกระสุนจริงให้ทหาร
สำนักข่าวยอนฮัป ซึ่งเป็นสำนักข่าวกึ่งทางการของโสมขาว ยังรายงานว่า ผู้บัญชาการทหารของเกาหลีใต้เสนอตัวพร้อมลาออกจากตำแหน่ง
ในอีกด้านหนึ่ง ในวันพฤหัสฯ เช่นกัน หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่สอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวยืนยันระหว่างให้ปากคำกับรัฐสภาว่า ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนยุนและรัฐมนตรีหลายคน ในข้อหากบฏและกระทำความผิดทางอาญาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกาศกฎอัยการศึก ตามที่พรรคฝ่ายค้านและพวกนักเคลื่อนไหวได้ร้องเรียนก่อนหน้านี้
โดยที่ยอนฮัป ก็รายงานว่า อัยการของสำนักงานสอบสวนการทุจริตและการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูง ได้รับการร้องเรียนในเรื่องนี้ และกำลังพิจารณาเปิดการสอบสวนเช่นเดียวกัน
สถานีโทรทัศน์ช่องข่าววายทีเอ็น รายงานว่า อัยการได้มีคำสั่งห้ามอดีตรัฐมนตรีกลาโหม เดินทางออกนอกประเทศ
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)