โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ เรียกร้องให้ผู้พิพากษาศาลนิวยอร์กมีคำสั่ง “ยกฟ้อง” คดีอาญา 34 กระทงที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินปิดปากอดีตดาราหนังผู้ใหญ่ซึ่งตนถูกตัดสินว่ามีความผิดเมื่อเดือน พ.ค. พร้อมอ้างว่าการดำเนินคดีต่อไปจะส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากที่ตนชนะศึกเลือกตั้งแล้ว
ทีมทนายความของ ทรัมป์ อ้างเหตุผลต่อผู้พิพากษา ฮวน เมอร์ชาน แห่งศาลแมนฮัตตันว่า การปล่อยให้คดีความที่อัยการ แอลวิน แบร็กก์ สั่งฟ้อง ทรัมป์ มีผลต่อไปหลังจากที่ ทรัมป์ สาบานตนเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า ย่อมจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ผู้นำสหรัฐฯ ของเขา
“เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นซึ่งได้รับเลือกขึ้นมาอย่างอัยการ แบร็กก์ ไม่มีเหตุอันควรที่จะมาสร้างปัญหาเช่นนี้” ท็อดด์ บลานช์ และ เอมิล โบฟ สองทนายฝ่ายจำเลย ระบุในเอกสารลงวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.)
คดีดังกล่าวมีต้นตอมาจากการที่ ทรัมป์ จ่ายเงินจำนวน 130,000 ดอลลาร์ให้ ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายส่วนตัว นำไปมอบให้แก่ สตอร์มมี แดเนียลส์ ดาราหนังผู้ใหญ่ที่ ทรัมป์ เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยเมื่อช่วง 10 ปีก่อนหน้า เพื่อขอให้เธอปิดปากเงียบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับๆ นี้ในระหว่างที่ ทรัมป์ กำลังเดินสายหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2016
เมื่อเดือน พ.ย. ทรัมป์ วัย 78 ปี ได้ประกาศเตรียมแต่งตั้ง บลานช์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสูงสุดอันดับ 2 ในกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังวางตัว โบฟ เป็นผู้ช่วยเบอร์หนึ่งของ บลานช์ และให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีช่วยในระหว่างที่ บลานช์ รอกระบวนการรับรองจากสภาคองเกรส
เดือนที่แล้ว ผู้พิพากษา เมอร์ชาน ได้มีคำสั่งเลื่อนการตัดสินคดีของ ทรัมป์ จากวันที่ 26 พ.ย. ออกไปแบบไม่มีกำหนด เพื่อเปิดโอกาสให้ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ขอยกฟ้อง ขณะที่ทีมอัยการในสำนักงานของ แบร็กก์ แม้จะสนับสนุนให้ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเพื่อให้เวลา ทรัมป์ ในการขอยกฟ้องเช่นกัน แต่ก็ย้ำว่าจะ “คัดค้าน” ความพยายามดังกล่าว
ทั้งนี้ ผู้พิพากษา เมอร์ชาน ยังไม่ได้ระบุว่าจะมีคำวินิจฉัยอย่างไรต่อการขอยกฟ้องของ ทรัมป์ และก็ไม่ได้กำหนดวันอ่านคำพิพากษาใหม่ด้วย
สำนักงานของอัยการ แบร็กก์ เสนอให้เลื่อนกระบวนการทุกอย่างในคดีของ ทรัมป์ ออกไปจนกว่าเขาจะสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในปี 2029 ซึ่งทีมทนาย ทรัมป์ ชี้ว่าเป็นข้อเสนอที่ “น่าตลก” เพราะนั่นหมายความว่าการตัดสินลงโทษจะเกิดขึ้นหลังกระบวนการสอบสวนซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อปี 2018 ผ่านพ้นไปแล้วกว่าสิบปี
เอกสารคำร้องความยาว 72 หน้ากระดาษของทีมทนาย ทรัมป์ ยังอ้างไปถึงเรื่องที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน สั่ง “อภัยโทษ” ให้กับ ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของตนเองซึ่งถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนและการเลี่ยงภาษี โดยทนายทั้งสองคนชี้ว่า การที่ ไบเดน อ้างว่าลูกชายถูกเลือกปฏิบัติถือเป็นการ “ประณามอย่างรุนแรง” ต่อกระทรวงยุติธรรมซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของเขาเอง
ที่มา : รอยเตอร์