สมาคมอุตสาหกรรมหลัก 4 แห่งของจีนออกมาเตือนภาคธุรกิจให้ระมัดระวังการสั่งซื้อชิปจากสหรัฐฯ ซึ่ง “ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป” พร้อมส่งเสริมการใช้ชิปที่จีนผลิตได้เอง ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวตอบโต้หลังจากที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการสกัดกั้นการส่งออกชิปและอุปกรณ์ผลิตชิปไปยังจีนระลอกที่ 3
สหรัฐฯ และจีนเริ่มเปิดศึกแลกหมัดโจมตีกันทางเศรษฐกิจอีกครั้งในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการกระพือความตึงเครียดก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ามารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในเดือน ม.ค. ปีหน้า
ทรัมป์ เองขู่เช่นกันว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนอย่างขนานใหญ่ ซึ่งทำให้เห็นเค้าลางว่าสงครามการค้าที่เคยร้อนระอุในช่วงรัฐบาลทรัมป์เทอมแรกจะกลับมาปะทุหนักอีกครั้ง
คำเตือนจากสมาคมอุตสาหกรรมทั้ง 4 แห่งของจีนมีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ออกมาตรการกีดกันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนระลอกที่ 3 เมื่อวันจันทร์ (2) โดยจำกัดการส่งออกชิปและอุปกรณ์การผลิตไปยังบริษัทจีน 140 แห่ง รวมถึงบริษัท Naura Technology Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปชั้นนำของแดนมังกร
สมาคมเหล่านี้ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลักของจีน ไม่ว่าจะเป็นด้านโทรคมนาคม เศรษฐกิจดิจิทัล ยานยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งโดยรวมๆ แล้วมีสมาชิกอยู่ประมาณ 6,400 บริษัท
ถ้อยแถลงของแต่ละสมาคมซึ่งออกตามๆ กันมาไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนว่า เหตุใดชิปของสหรัฐฯ จึงไม่ปลอดภัยหรือเชื่อถือไม่ได้แล้ว แต่กระนั้นก็คาดว่าจะส่งผลกระทบไม่น้อยต่อผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของอเมริกาอย่าง Nvidia AMD และ Intel ซึ่งที่ผ่านมายังคงหาพยายามช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าในตลาดจีน แม้จะเผชิญมาตรการจำกัดส่งออกอยู่ก็ตาม
ด้านสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor Industry Association) ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ ยอมรับว่า “กระแสเรียกร้องที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของจีนในการลดซื้อชิปจากสหรัฐฯ ไม่เป็นผลดี และการที่อ้างว่าชิปอเมริกันไม่ปลอดภัยหรือเชื่อถือไม่ได้อีกแล้วนั้นก็ไม่เป็นความจริง”
ทางสมาคมยังย้ำจุดยืนที่ว่า “มาตรการควบคุมส่งออกควรที่จะแคบ และมุ่งบรรลุเป้าหมายด้านความมั่นคงอย่างเฉพาะเจาะจง... เราขอสนับสนุนให้รัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายหาวิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันมากไปกว่านี้”
รัฐบาลปักกิ่งเองก็ได้กำหนดมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ทันควันในวันอังคาร (3) โดยห้ามการส่งออกแร่ธาตุหายากที่สามารถใช้ประโยชน์ในทางทหาร แผงโซลาร์เซลล์ สายไฟเบอร์ออปติก และเครื่องมือการผลิตอื่นๆ ไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่าวอชิงตันจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อต่อต้านพฤติกรรมข่มขู่ของจีน และจะแสวงหาวิธีโยกย้ายห่วงโซ่อุปทานออกจากแดนมังกรต่อไปด้วย
ทอม นันลิสต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการบริษัทวิจัยที่ปรึกษา Trivium China ชี้ว่า คำเตือนของสมาคมอุตสาหกรรมยังเป็นแค่ “คำแนะนำ” ส่วนบริษัทต่างๆ จะเชื่อหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับกลไกตลาด ทว่ามาตรการแบนส่งออกแร่ธาตุหายากที่จีนใช้นั้นถือว่ามีนัยสำคัญมากกว่า
“ที่ผ่านมา จีนค่อนข้างระมัดระวังและไม่ผลีผลามในการตอบโต้สหรัฐฯ แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลเริ่มที่จะเอาจริงแล้ว” เขากล่าว
ที่มา : รอยเตอร์