ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ระบุประเทศของเขาจำเป็นต้องได้รับการรับประกันความปลอดภัยจากนาโต และอาวุธเพิ่มเติม เพื่อปกป้องตนเอง แล้วถึงจะเจรจาใดๆ กับรัสเซีย
ความคิดเห็นของเขามีขึ้นหลังจากพบปะพูดคุยกับ คายา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายการต่างประเทศคนใหม่ของสหภาพยุโรป และอันโตนิโอ คอสตา ประธานคณะมนตรียุโรป ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเดินทางเยือนกรุงเคียฟ เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครน ในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง
"การเชิญยูเครนเข้าร่วมนาโตเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อการอยู่รอดของเรา" เซเลนสกี กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับคอสตา
ยูเครนเตรียมเผชิญกับฤดูหนาวอันแสนสาหัสที่รอยู่เบื้องหน้า ในขณะที่รัสเซียปลดปล่อยห่าการโจมตีเล่นงานโครงข่ายทางพลังงานของยูเครน ท่ามกลางสัญญาณว่ากองกำลังเคียฟกำลังอ่อนล้ามากขึ้นเรื่อยๆ และสูญเสียพื้นที่ในแนวหน้าอย่างต่อเนื่อง
มีคำถามวนเวียนขึ้นมาเกี่ยวกับอนาคตแรงสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่มีต่อยูเครน ครั้งที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกาในเดือนมกราคม ท่ามกลางความหวั่นกลัวว่าเขาอาจบีบให้เคียฟยอมจำนวนด้วยความเจ็บปวด ในการแสวงหาข้อตกลงสันติภาพอย่างรวดเร็ว
เซเลนสกี บอกว่าประเทศของเขาจำเป็นต้องอยู่ใน "สถานะที่เข้มแข็ง" ก่อการเจรจาใดๆ กับเครมลิน พร้อมเรียกร้องก้าวย่างในการก้าวไปข้างหน้าร่วมกับนาโต และได้รับอาวุธพิสัยไกลใน "จำนวนที่เหมาะสม" เพื่อปกป้องตนเอง
"เมื่อเรามียุทโธปกรณ์เหล่านั้นและเมื่อเราอยู่ในสถานะที่เข้มแข็งแล้ว หลังจากนั้น เราจำเป็นต้องจัดทำวาระการประชุมที่สำคัญมากๆ กับพวกนักฆ่ารายหนึ่งหรืออื่นๆ" ผู้นำยูเครนกล่าว พร้อมระบุอียูและนาโตควรมีส่วนร่วมในการเจรจาใดๆ
คอสตา บอกว่าสหภาพยุโรปจะยังมอบแรงสนับสนุนแก่ยูเครนไม่เปลี่ยนแปลง "เรายืนหยัดเคียงข้างคุณตั้งแต่วันแรกของสงครามแห่งการรุกรานนี้ และคุณสามารถจดจำไว้เลยว่า เราจะเดินหน้ายืนหยัดเคียงข้างคุณต่อไป" เขาบอกกับเซเลนสกี
ทีมงานผู้นำใหม่ของยุโรปหวังแสดงให้เห็นถึงการยังคงสนับสนุนเคียฟอย่างมั่นคง ในช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งสำหรับยูเครน หลังสู้รบต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย ยืดเยื้อมานานเกือบ 3 ปี
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ขู่ในสัปดาห์นี้ว่า จะโจมตีอาคารราชการในกรุงเคียฟ ด้วยขีปนาวุธใหม่โอเรชนิก หลังจากสหรัฐฯ ให้ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS ที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียเป็นครั้งแรก
เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ย.) เซเลนสกี ดูเหมือนจะเริ่มปักปันจุดยืนของตนเองต่อความเป็นไปได้ในการเจรจาสันติภาพใดๆ เขาเรียกร้องให้นาโต รับประกันการปกป้องพื้นที่ต่างๆ ของยูเครนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเคียฟ เพื่อ "หยุดขั้นร้อนแรงของสงคราม" และพูดเป็นนัยว่าจากนั้นเขามีความตั้งใจรอเวลาทวงคืนดินแดนอื่นๆ ที่ถูกยึดไปโดยรัสเซีย
"หากเราจะตรึงความขัดแย้งโดยปราศจากสถานะที่เข้มแข็งใดๆ ของยูเครน เมื่อนั้น ปูติน จะกลับมาอีกใน 2 ปี 3 ปี หรือ 5 ปี" เซเลนสกี กล่าวในวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.)
ขณะที่ คัลลาส บอกกับพวกผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางเข้าสู่ยูเครน ว่า "สำหรับเคียฟแล้ว การมอบคำรับประกันความมั่นคงที่เข้มแข็งที่สุดคือการเป็นรัฐสมาชิกของนาโต เราจำเป็นต้องหารือกันให้แน่ชัดว่ายูเครนวางขอบเขตไว้อย่างไร เกี่ยวกับแนวทางที่เรารับประกันสันติภาพให้ เพื่อที่ ปูติน ไม่สามารถเดินหน้ารุกรานใดๆ ได้อีก"
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้แทนทูต ณ นาโต บอกว่าดูเหมือนมีแนวโน้มเพียงเล็กน้อยที่บรรดาพันธมิตรจะอนุมัติสถานภาพสมาชิกของยูเครนเร็วๆ นี้ สืบเนื่องจากมีเสียงคัดค้านมาจากรัฐสมาชิกหลายชาติที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการถูกลากเข้าสู่การทำสงครามกับรัสเซีย
คัลลาส บอกต่อว่า "อียูไม่ควรปฏิเสธความเป็นไปในเงื่อนไขความเป็นไปได้ในการส่งทหารยุโรปเข้าช่วยบังคับข้อตกลงหยุดยิงใดๆ เราจำเป็นต้องใช้ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์ในประเด็นนี้"
ทรัมป์ เคยแสดงความสงสัยเกี่ยวกับการที่วอชิงตันเดินหน้ามอบเงินช่วยเหลือมหาศาลแก่ยูเครน และเรียกร้องให้บรรดาชาติอียู เพิ่มความช่วยเหลือมากกว่าเดิม
รวมกันแล้วทั้งยุโรปได้ใช้จ่ายเงินไปราว 125,000 ล้านดอลลาร์ ในการสนับสนุนยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานในปี 2022 ในขณะที่สหรัฐฯ เพียงชาติเดียวมอบความช่วยเหลือแก่เคียฟไปแล้วกว่า 90,000 ล้านดอลลาร์
คัลลาส บอกว่า อียูจะใช้ภาษาในเชิงสัมพันธ์อันดี ในความพยายามโน้มน้าวให้ ทรัมป์ สนับสนุนเคียฟต่อไป เพื่อประโยชน์ของสหรัฐฯ เอง "ความช่วยเหลือที่มอบแก่ยูเครน ไม่ใช่เพื่อการกุศล ชัยชนะของรัสเซีย ชัดเจนว่าจะมอบความฮึกเหิมแก่จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ"
(ที่มา : เอเอฟพี)