อะเลปโป เมืองใหญ่อันดับ 2 ของซีเรีย หลุดจากการควบคุมของฝ่ายรัฐบาลเป็นครั้งแรก ภายหลังจากพวกกบฏอิสลามมิสต์เปิดการรุกใหญ่แบบเซอร์ไพรส์ กลุ่มติดตามสถานการณ์สู้รบกล่าวอ้างในวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ขณะที่กองทัพซีเรียยอมรับว่าทหารของฝ่ายตนถูกสังหารไปหลายสิบคน ส่วนรัสเซียแถลงส่งกำลังทางอากาศโจมตีใส่พวกกบฏอย่างดุเดือด สำหรับอิหร่านย้ำอเมริกาและอิสราเอลอยู่เบื้องหลังการบุกสายฟ้าแลบ ด้านวอชิงตันโต้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะซีเรียมัวแต่พึ่งพิงมอสโกและเตหะราน
รามี อับเดล เราะห์มาน ผู้นำกลุ่มซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส กลุ่มติดตามสถานการณ์การสู้รบในซีเรียที่มีฐานอยู่ในลอนดอน บอกกับเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) อ้างว่า ขณะนี้กลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) หรือกลุ่มอัลนุสราฟรอนต์ ในอดีต และพันธมิตรกบฏกลุ่มอื่นๆ ในซีเรีย สามารถควบคุมเมืองอะเลปโปได้แล้ว ยกเว้นย่านที่อยู่อาศัยบางส่วนที่อยู่ในการควบคุมของกองกำลังเคิร์ด
เอชทีเอสยังเข้ายึดสนามบินเมืองอะเลปโปและเมืองเล็กๆ ใกล้เคียงอีกหลายสิบเมืองเมื่อวันเสาร์ (30 พ.ย.)
ก่อนที่จะเปิดการรุกครั้งนี้ เอชทีเอส หรือกลุ่มอัลนุสราฟรอนต์ ที่นำโดยอดีตอัลกออิดะห์สาขาซีเรีย และถูกตราหน้าว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายโดยสหรัฐฯ รัสเซีย ตุรกี และประเทศอื่นๆ ก็เป็นผู้ควบคุมดินแดนผืนใหญ่หลายผืนในจังหวัดอิดลิบ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งถือเป็นพื้นที่สุดท้ายที่ยังอยู่นอกการควบคุมของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตรอย่างอิหร่านและรัสเซีย
ข่าวระบุว่า เอชทีเอส และพวกพันธมิตรที่เป็นกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ได้เปิดฉากบุกฟ้าแลบในอะเลปโปตั้งแต่เมื่อวันพุธ (27 พ.ย.) วันเดียวกับที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในประเทศเพื่อนบ้านคือเลบานอนมีผลบังคับใช้
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียออกคำแถลงระบุว่า กองทัพอากาศของตนได้ออกโจมตีใส่พวกกบฏเพื่อสนับสนุนกองทัพซีเรีย โดยใช้ทั้งขีปนาวุธและลูกระเบิดถล่มใส่เป้าหมายที่เป็นจุดชุมพลของพวกนักรบ ที่ตั้งศูนย์บังคับบัญชา คลังสัมภาระ และที่ตั้งปืนใหญ่ ทั้งที่อะเลปโป และที่จังหวัดอิดลิบ
สำหรับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย ยืนยันระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า จะจัดการ “ผู้ก่อการร้าย” ไม่ว่าจะถูกโจมตีหนักแค่ไหนก็ตาม
กลุ่มออบเซอร์วาทอรีระบุว่า การสู้รบระหว่างสองฝ่ายทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 327 คน ส่วนใหญ่เป็นทหารและนักรบ และมีพลเรือนราว 44 คน และอ้างว่า เอชทีเอสและพันธมิตรยึดศูนย์กลางเมืองและที่ทำการรัฐบาลส่วนใหญ่ รวมทั้งเรือนจำในเมืองอะเลปโปโดยไม่มีการต้านทานมากนัก และไม่มีการต้านทานเลยในเมืองเล็กๆ ที่มีความสำคัญยุทธศาสตร์อีกหลายสิบเมือง
กลุ่มติดตามการสู้รบกลุ่มนี้กล่าวอีกว่า กองทัพซีเรียถอนออกจากฮามา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 4 และอยู่ห่างจากอะเลปโปทางใต้ราว 140 กม. หลังจากเผชิญหน้ากับกลุ่มกบฏ
ทว่า แหล่งข่าวในกองทัพซีเรียปฏิเสธเรื่องนี้ โดยยืนยันว่า ทหารของรัฐบาลยังประจำอยู่ในที่มั่นบนเส้นทางที่กลุ่มกบฏเคลื่อนผ่าน
อย่างไรก็ดี กองทัพซีเรียยอมรับว่า กลุ่มกบฏบุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนใหญ่ของอะเลปโป และทหารหลายสิบนายเสียชีวิตและบาดเจ็บ และสำทับว่า กลุ่มกบฏเปิดฉากโจมตีอะเลปโปและอิดลิบพร้อมกันจากหลายทิศทาง
รามี ผู้นำกลุ่มออบเซอร์วาทอรี ให้ความเห็นว่า ดูเหมือนตอนนี้ซีเรียถูกพันธมิตรหลักอย่างรัสเซียและอิหร่านทิ้ง และระบุว่า การโจมตีของรัสเซียเป็นการโจมตีทางสัญลักษณ์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวหลายรายในกองทัพซีเรียบอกว่า เครื่องบินไอพ่นของรัสเซียและซีเรียได้ระดมโจมตีใส่พวกกบฏ โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งพวกกบฏยึดไว้ในอิดลิบตั้งแต่วันเสาร์ ต่อมาในวันอาทิตย์ กองทัพซีเรียอ้างว่าสามารถยึดคืนเมือเล็กๆ หลายแห่งคืนจากฝ่ายกบฏ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ รัสเซียได้ร่วมกับอิหร่านออกคำแถลงแสดงความกังวลต่อการสูญเสียของซีเรีย ภายหลังการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย กับอับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โดยที่รัสเซียยืนยันว่ายังคงให้การสนับสนุนแก่ซีเรียอย่างแข็งแกร่ง
ทางฝ่ายอารากชีเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะเดินทางไปดามัสกัสเพื่อยืนยันการสนับสนุนรัฐบาลและกองทัพซีเรีย และย้ำว่า การบุกจู่โจมสายฟ้าแลบของกลุ่มกบฏซีเรียเป็นการวางแผนของอเมริกาและอิสราเอล อย่างไรก็ตาม กองทัพซีเรียจะเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายเหล่านั้นได้เหมือนที่ผ่านมา
ในอีกด้านหนึ่ง ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกาแถลงว่า สถานการณ์ในขณะนี้ เกิดขึ้นจากการที่ซีเรียเอาแต่พึ่งพิงรัสเซียและอิหร่าน รวมทั้งไม่ยอมปฏิบัติตามกระบวนการสันติภาพที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ร่างขึ้นในปี 2015
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์)