ตะวันตกจำเป็นต้องใช้ยูเครนเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับรัสเซีย จากการยอมรับเต็มปากเต็มคำของบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร พร้อมเร่งเร้าตะวันตกไม่ควรหันหลังกลับจากการป้อนอาวุธแก่เคียฟ
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟเมื่อวันพฤหัสบดี (28 พ.ย.) จอห์นสัน ติเตียนตะวันตกในสิ่งที่เขามองว่าขาดความมุ่งมั่นในการสนับสนุนยูเครน โดยเน้นย้ำว่าตะวันตกไม่ควรไปวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะลุกลามบานปลาย
"ปัญหาไม่ใช่สถานการณ์ลุกลาม ปัญหาคือล้มเหลวในการยกระดับมาตรการสนับสนุนอย่างรวดเร็วเพียงพอ มาตรการสนับสนุนต่างๆ นั้นเป็นไปในแบบสองจิตสองใจ ล่าช้าและไม่มากพอ" เขากล่าวคร่ำครวญถึงกรณีเกิดทางตันในสภาคองเกรสช่วงปลายปี 2023 ถึงต้นปี 2024 ที่ขัดขวางเงินช่วยเหลือที่ไหลบ่าไปยังเคียฟ "มันคือฝันร้ายสำหรับยูเครน"
จอห์นสัน กล่าวอ้างว่า ข้อเท็จจริงแบบเดียวกันนั้นยังพบเห็นได้จากท่าทีลังเลในเบื้องต้นในการอนุมัติให้ยูคเรนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศสและสหรัฐฯ จัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย พร้อมเน้นว่าจนถึงตอนนี้ เยอรมนีก็ยังคงขัดขืนต่อแรงกดดันไม่ยอมเคลื่อนไหวในแบบเดียวกัน
"มันเป็นเรื่องน่าสมเพช เรากำลังทำสงครามตัวแทน แต่ไม่มอบแสนยานุภาพในการทำสงครามแก่ตัวแทนของเรา หลายปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เราปล่อยให้พวกเขาสู้รบด้วยการมัดมือข้างหนึ่งไพล่หลัง มันโหดร้ายมาก"
อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรรายนี้ บอกว่าตะวันตกจำเป็นต้องเดินหน้ากระบวนการอ้าแขนรับเคียฟเข้าเป็นสมาชิกนาโต มอบแรงสนับสนุนต่างๆ ทั้งด้านการทหารและโลจิสติกส์แก่ยูเครน โดยไม่เข้าสู่ความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซีย รวมถึงมอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม
จอห์นสัน ระบุต่อว่า เหนือสิ่งอื่นใด ประชาคมนานาชาติ ในนั้นรวมถึงรัสเซียและยูเครน "จำเป็นต้องรู้ว่า เราต้องการให้สิ่งนี้ไปลงเอยเช่นไร จนกว่าคุณจะทำทุกอย่างให้กระจ่าง คุณก็ไม่อาจโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยอมจำนน"
ที่ผ่านมา มอสโกกล่าวหา จอห์นสัน เป็นคนล้มโต๊ะการเจรจาสันติภาพยูเครนในอิสตันบูล ในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 อ้างว่าเขาแนะนำให้เคียฟเดินหน้าสู้รบต่อไป เจ้าหน้าที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ยอมรับว่า จอห์นสัน มีบทบาททรงอิทธิพลต่อการตัดสินใจดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม อดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้ปฏิเสธคำกล่าวหา บอกว่า "มันเป็นการโกหกโดยสิ้นเชิง" พร้อมระบุเคียฟไม่เคยเห็นพ้องในเงื่อนไขต่างๆ ของรัสเซีย ซึ่งในนั้นรวมถึงลดขนาดกองทัพยูเครนและรับรองโดยพฤตินัยต่อดินแดนที่สูญเสียไป
(ที่มา : เดลีเทเลกราฟ/อาร์ทีนิวส์)