ราคาน้ำมันขยับลงในวันอังคาร (26 พ.ย.) หลังอิสราเอลเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงกับเลบานอน ช่วยลดความเสี่ยงทางอุปทานพลังงาน ปัจจัยนี้ฉุดทองคำทรงตัวในกรอบแคบๆ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวก นักลงทุนทบทวนคำประกาศมาตรการรีดภาษีของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 68.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 72.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รายงานของสำนักข่าวชาแนล 12 ระบุว่าคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอลเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงกับเลบานอน และคาดหมายว่าข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันพุธ (27 พ.ย.)
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล บอกว่าเขาพร้อมปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงกับเลบานอน แต่จะตอบโต้อย่างเต็มกำลังหากมีการละเมิดใดๆ โดยพวกฮิซบอลเลาะห์
ความเคลื่อนไหวนี้ผลักให้นักลงทุนปล่อยมือจากสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และฉุดให้ราคาทองคำปิดในกรอบแคบๆ ในวันอังคาร (26 พ.ย.) แม้อีกด้านหนึ่งยังมีความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งยูเครนก็ตาม โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 15.00 ดอลลาร์ อยู่ที่ 2,657.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันอังคาร (26 พ.ย.) โดยเอสแอนด์พี 500 และแนสแดค ปรับขึ้นจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ในขณะที่นักลงทุนทบทวนคำประกาศรีดภาษีของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เล่นงานบรรดาคู่ค้าลำดับต้นๆ เช่นเดียวกับรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 123.74 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 44,860.31 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 34.26 จุด (0.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,021.63 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 119.46 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 19,174.30 จุด
ความเคลื่อนไหวของวอลล์สตรีท มีขึ้นหลังจากรายงานการประชุม minutes หนล่าสุดของเฟด แสดงให้เห็นว่าพวกเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางแห่งนี้ดูมีความคิดเห็นแตกแยกว่าพวกเขามีความจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยอีกมากน้อยแค่ไหน
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ บอกว่าเขาจะกำหนดเพดานภาษีแบบมีเงื่อนไข 25% กับสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ที่อาจเป็นการละเมิดข้อตกลงการค้าเสรี ที่เขาเองเป็นคนเจรจาครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่แล้ว นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวางกรอบรีดภาษีอีก 10% นอกเหนือจากการรีดภาษีเพิ่มเติมใดๆ ต่อสินค้านำเข้าจากจีน ความเคลื่อนไหวที่เพิ่มความเสี่ยง กระพือสงครามทางการค้า
(ที่มา : รอยเตอร์)