แหล่งข่าวระดับสูงในกองทัพยูเครนยอมรับว่า เวลานี้รัสเซียสามารถทวงดินแดน "แคว้นคูสก์" กลับคืนจากยูเครนได้แล้วกว่า 40% หลังจากที่ถูกเคียฟเปิดปฏิบัติการบุกข้ามแดนเข้าไปยึดพื้นที่เอาไว้ได้บางส่วนเมื่อช่วงเดือน ส.ค.
แหล่งข่าวภายในคณะเสนาธิการทหารยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้ส่งทหารมากถึง 59,000 นายเข้าไปยังแคว้นคูสก์ นับตั้งแต่ถูกกองทัพยูเครนบุกจู่โจมแบบสายฟ้าแลบเข้าไปยึดดินแดนเอาไว้เมื่อกว่า 3 เดือนก่อน ซึ่งถือเป็นการรุกรานแผ่นดินรัสเซียครั้งแรกในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
"เรายังควบคุมดินแดนเอาไว้ได้ประมาณ 800 ตารางกิโลเมตรเป็นอย่างมาก และจะพยายามยึดพื้นที่เอาไว้ให้นานที่สุดตามความเหมาะสมในทางการทหาร" แหล่งข่าวระบุ
ในการบุกแคว้นคูสก์นี้ ยูเครนหวังที่จะสกัดกั้นการโจมตีของรัสเซียต่อพื้นที่ทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ และบีบให้ทหารหมีขาวที่กำลังรุกคืบอย่างช้าๆ ให้ต้องถอยร่น นอกจากนี้ ยังหวังใช้เป็นเครื่องมือต่อรองกับมอสโกในการเจรจาสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ทหารรัสเซียยังคงสามารถบุกตะลุยยึดดินแดนในแคว้นโดเนตสก์ทางตะวันออกของยูเครนได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนระบุว่า เขาเชื่อว่าประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย มีเป้าหมายที่จะยึดพื้นที่ "ดอนบาส" ซึ่งหมายถึงแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ให้ได้ทั้งหมด และจะขับไล่ทหารยูเครนออกจากแคว้นคูสก์ด้วย
"สำหรับปูติน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องผลักดันทหารของเราออกจากแคว้นคูสก์ ผมมั่นใจว่าเขาจะพยายามทำเช่นนั้นให้สำเร็จภายในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า" เซเลนสกี กล่าว โดยอ้างถึงวันที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
"มันสำคัญมากสำหรับ ปูติน ที่จะต้องแสดงให้ทุกฝ่ายเห็นว่า เขาคุมสถานการณ์ได้อยู่หมัด"
แหล่งข่าวในกองทัพยูเครนเผยด้วยว่า ทหารเกาหลีเหนือ 11,000 นายเดินทางไปถึงแคว้นคูสก์เป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อช่วยสนับสนุนฝ่ายรัสเซีย ทว่าส่วนใหญ่ยังอยู่ในระหว่างการฝึกขั้นสุดท้าย
แหล่งข่าวผู้นี้ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ภูมิภาคคูราคอฟ (Kurakhove) ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงที่สุด เนื่องจากทหารรัสเซียสามารถรุกคืบได้เป็นระยะทาง 200-300 เมตรต่อวัน และฝ่าแนวต้านของยูเครนได้แล้วในบางจุด
คูราคอฟนั้นถือเป็นประตูที่จะเชื่อมไปสู่เมืองโปครอฟสก์ (Pokrovsk) ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกในแคว้นโดเนตสก์
เวลานี้รัสเซียมีทหารสู้รบอยู่ในยูเครนราว 570,000 นาย และมีเป้าหมายที่จะเสริมกำลังพลเพิ่มเป็น 690,000 นาย ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว
ที่มา : รอยเตอร์